ก็องเต้กลับคืนสู่ทีมชาติฝรั่งเศส เดอชองส์ยืนยันนักเตะยังคงอยู่ในฟอร์มระดับสูงสุด

ก็องเต้กลับคืนสู่ทีมชาติฝรั่งเศส เดอชองส์ยืนยันนักเตะยังคงอยู่ในฟอร์มระดับสูงสุด

Mansion Sportsดีดีเยร์ เดอชองส์ ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส ได้ประกาศเรียกตัวเอ็นโกโล ก็องเต้กลับมาร่วมทีม “เลส์ เบลอส์” อีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปี โดยกุนซือมากประสบการณ์รายนี้กล่าวชื่นชมกองกลางวัย 34 ปีจากสโมสรอัล-อิตติฮัดว่า “ยังคงอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมเช่นเดิม” การกลับมาครั้งนี้ถือเป็น kabar baik bagiฝรั่งเศสที่เตรียมลงเล่นในศึกคัดเลือกฟุตบอลโลกกับยูเครนและอาเซอร์ไบจานในเดือนนี้

ก็องเต้กลับมารับใช้ฝรั่งเศสในศึกคัดเลือกฟุตบอลโลกสำคัญ

เดอชองส์ได้ใส่ชื่อของก็องเต้ไว้ในรายชื่อผู้เล่นทีมชาติฝรั่งเศสล่าสุด นับเป็นการถูกเรียกติดทีมครั้งแรกในรอบหนึ่งปี ก่อนลงสนามสองเกมสำคัญในการคัดเลือกฟุตบอลโลกกับยูเครนและอาเซอร์ไบจาน การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้หลายฝ่าย เนื่องจากกองกลางรายนี้ย้ายไปเล่นในลีกซาอุดีอาระเบียกับอัล-อิตติฮัดตั้งแต่ปี 2023

อย่างไรก็ตาม เดอชองส์ยืนยันว่าดาวเตะอดีตแข้งเชลซีและเลสเตอร์ ซิตี้รายนี้ยังคงเป็นส่วนสำคัญในแผนการของเขา ก็องเต้ลงเล่นให้ฝรั่งเศสครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ในเกมยูฟ่า เนชันส์ ลีก ที่เสมอกับอิสราเอลแบบไร้สกอร์ ซึ่งเขาทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม จากนั้นเจ้าตัวค่อย ๆ สร้างจังหวะและฟอร์มการเล่นกลับมาอย่างมั่นคงในซาอุดีอาระเบีย โดยลงสนามไปแล้ว 12 นัดในทุกรายการฤดูกาลนี้

ขณะนี้ทีมชาติฝรั่งเศสกำลังรั้งจ่าฝูงกลุ่ม D ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก มี 10 คะแนน นำยูเครนอยู่ 3 คะแนน และยังเหลือสองเกมสำคัญให้ลงเล่น—เปิดบ้านพบยูเครนในวันที่ 13 พฤศจิกายน ก่อนออกไปเยือนอาเซอร์ไบจานในอีกสามวันถัดมา เดอชองส์ตัดสินใจพึ่งประสบการณ์และความเป็นผู้นำของก็องเต้อีกครั้ง เพื่อเสริมความมั่นคงให้แดนกลาง

กองกลางที่มี 64 นัดในนามทีมชาติรายนี้จะเข้ามาแทนที่ผู้เล่นหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ เช่น อุสมาน เดมเบเล, โอเรเลียง ชูอาเมนี และอาเดรียง ราบิโอต์ การกลับมาของเขายังสะท้อนถึงความคงเส้นคงวาและความสามารถในการสร้างอิทธิพลในเกม แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ก็ตาม

“เขายังอยู่ในระดับสูงสุด” – เดอชองส์ชื่นชมความเป็นมืออาชีพของก็องเต้

เมื่อถูกถามถึงเหตุผลในการเรียกตัวก็องเต้กลับทีม เดอชองส์กล่าวว่า “ผมติดต่อกับเขาอยู่เสมอ เขายังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจากเกมที่ผมได้ชม เขาลงเล่นทุกสามหรือสี่วัน เขายังสมควรถูกเรียกติดทีม และนั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกเขา”

เดอชองส์กล่าวเพิ่มเติมว่า “เขาจำเป็นต้องรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ เขามีสถานะและประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ เมื่อผมเรียกเขามา ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มทีม แต่เพื่อมอบบทบาทสำคัญให้เขา ในการแข่งขันที่เรากำลังจะเจอซึ่งอาจตัดสินเส้นทางของเรา เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ผมคิดถึงอยู่เสมอ ทีมงานของผมและผมเองต่างติดตามผลงานของเขาอย่างใกล้ชิด เขายังรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้สวมเสื้อตัวนี้”

กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสยังเน้นย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความคิดถึงอดีต แต่เป็นเพราะก็องเต้ยังคงเป็นส่วนสำคัญทางแท็กติกที่สามารถควบคุมจังหวะของเกมและรักษาสมดุลในแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม คำพูดของเดอชองส์สะท้อนถึงความเคารพอย่างลึกซึ้งที่มีต่ออิทธิพลของก็องเต้ทั้งในและนอกสนาม แม้จะมีดาวรุ่งอย่างเอดูอาร์โด กามาวิงก้า และวอเรน ซาอีร์-เอเมรี กำลังเติบโตขึ้น แต่เดอชองส์ยังคงเชื่อว่าผู้ชนะฟุตบอลโลกปี 2018 รายนี้มีคุณค่าอันโดดเด่นจากพลังและประสบการณ์ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว

สัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งและภาวะผู้นำ

มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่สามารถรักษาความสม่ำเสมอและมาตรฐานสูงเหมือนเอ็นโกโล ก็องเต้ ตั้งแต่แจ้งเกิดกับเลสเตอร์ ซิตี้ในปี 2016 ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกจนสร้างชื่อในวงการฟุตบอล เขาได้กวาดถ้วยรางวัลสำคัญแทบทั้งหมด—สองแชมป์พรีเมียร์ลีก หนึ่งแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และหนึ่งแชมป์ฟุตบอลโลก

กับอัล-อิตติฮัด เขายังคงแสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำและฟอร์มการเล่นที่มั่นคง แม้ลีกโปรซาอุดีอาระเบียจะถูกตั้งคำถามเรื่องคุณภาพการแข่งขัน แต่ก็องเต้ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นต่างชาติไม่กี่รายที่สามารถรักษาความฟิตและความมุ่งมั่นในระดับสูงได้ในทุกรายการ

ทีมงานของเดอชองส์ได้ติดตามฟอร์มของก็องเต้อย่างใกล้ชิด และประทับใจกับความฟิตและอิทธิพลของเขาในสนาม เขาไม่ใช่นักเตะจากซาอุดีอาระเบียเพียงคนเดียวที่ถูกเรียกติดทีมชาติฝรั่งเศส ล่าสุด ธีโอ แอร์กน็องเดซ จากอัล-ฮิลาล ก็ได้รับโอกาสเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ของเดอชองส์ที่เปิดกว้างต่อผู้เล่นที่ค้าแข้งนอกลีกยุโรปชั้นนำ

ในขณะเดียวกัน ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า กองหน้าจากคริสตัล พาเลซ ยังคงมีชื่อติดทีมหลังจากประเดิมสนามเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนดาวรุ่งอย่างรายัน แชร์กี และแรนดัล โคโล มูอานี ก็กลับมามีชื่ออีกครั้งหลังหายจากอาการบาดเจ็บ

การกลับมาของก็องเต้ที่ยังคงรุ่งเรือง

หลังจากต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บในช่วงท้ายของอาชีพกับเชลซี การฟื้นคืนฟอร์มของก็องเต้กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจในวงการฟุตบอล การเล่นของเขาในศึกยูโร 2024 ซึ่งฝรั่งเศสเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แสดงให้เห็นว่าสภาพร่างกายและสมาธิในการเล่นเกมใหญ่ยังคงแข็งแกร่ง

เมื่อทีมชาติฝรั่งเศสใกล้จะคว้าตั๋วไปฟุตบอลโลก การกลับมาของก็องเต้ช่วยเพิ่มความมั่นคงให้แดนกลาง ความเข้าใจของเขาในระบบการเล่นของเดอชองส์ รวมกับสัญชาตญาณอันเฉียบคมในการแย่งบอล ทำให้เขากลายเป็นแกนหลักในทีมที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่าน

สองเกมสุดท้ายที่กำลังจะมาถึงจะเป็นตัวชี้ชะตาไม่เพียงแต่เส้นทางของฝรั่งเศส แต่ยังรวมถึงอนาคตในทีมชาติของก็องเต้ด้วย สำหรับเขา นี่คือโอกาสพิสูจน์ว่า “ชั้นเชิงและความสม่ำเสมอที่แท้จริง” ไม่เคยเลือนหายไป แม้เส้นทางในยุโรปจะดูเหมือนจบลงแล้วก็ตาม

สายตาทุกคู่จะจับจ้องไปที่เขาเมื่อฝรั่งเศสเปิดบ้านพบยูเครนที่กรุงปารีส หากความเชื่อมั่นของเดอชองส์พิสูจน์ได้ว่าถูกต้อง การกลับมาของก็องเต้จะเป็นอีกบทสำคัญที่เติมเต็มเรื่องราวของแชมป์โลกปี 2018 รายนี้อีกครั้ง

Related News

ก็องเต้กลับคืนสู่ทีมชาติฝรั่งเศส เดอชองส์ยืนยันนักเตะยังคงอยู่ในฟอร์มระดับสูงสุด

ก็องเต้กลับคืนสู่ทีมชาติฝรั่งเศส เดอชองส์ยืนยันนักเตะยังคงอยู่ในฟอร์มระดับสูงสุด

Mansion Sportsดีดีเยร์ เดอชองส์ ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส ได้ประกาศเรียกตัวเอ็นโกโล ก็องเต้กลับมาร่วมทีม “เลส์ เบลอส์” อีกครั้งเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปี โดยกุนซือมากประสบการณ์รายนี้กล่าวชื่นชมกองกลางวัย 34 ปีจากสโมสรอัล-อิตติฮัดว่า “ยังคงอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมเช่นเดิม” การกลับมาครั้งนี้ถือเป็น kabar baik bagiฝรั่งเศสที่เตรียมลงเล่นในศึกคัดเลือกฟุตบอลโลกกับยูเครนและอาเซอร์ไบจานในเดือนนี้

ก็องเต้กลับมารับใช้ฝรั่งเศสในศึกคัดเลือกฟุตบอลโลกสำคัญ

เดอชองส์ได้ใส่ชื่อของก็องเต้ไว้ในรายชื่อผู้เล่นทีมชาติฝรั่งเศสล่าสุด นับเป็นการถูกเรียกติดทีมครั้งแรกในรอบหนึ่งปี ก่อนลงสนามสองเกมสำคัญในการคัดเลือกฟุตบอลโลกกับยูเครนและอาเซอร์ไบจาน การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้หลายฝ่าย เนื่องจากกองกลางรายนี้ย้ายไปเล่นในลีกซาอุดีอาระเบียกับอัล-อิตติฮัดตั้งแต่ปี 2023

อย่างไรก็ตาม เดอชองส์ยืนยันว่าดาวเตะอดีตแข้งเชลซีและเลสเตอร์ ซิตี้รายนี้ยังคงเป็นส่วนสำคัญในแผนการของเขา ก็องเต้ลงเล่นให้ฝรั่งเศสครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ในเกมยูฟ่า เนชันส์ ลีก ที่เสมอกับอิสราเอลแบบไร้สกอร์ ซึ่งเขาทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม จากนั้นเจ้าตัวค่อย ๆ สร้างจังหวะและฟอร์มการเล่นกลับมาอย่างมั่นคงในซาอุดีอาระเบีย โดยลงสนามไปแล้ว 12 นัดในทุกรายการฤดูกาลนี้

ขณะนี้ทีมชาติฝรั่งเศสกำลังรั้งจ่าฝูงกลุ่ม D ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก มี 10 คะแนน นำยูเครนอยู่ 3 คะแนน และยังเหลือสองเกมสำคัญให้ลงเล่น—เปิดบ้านพบยูเครนในวันที่ 13 พฤศจิกายน ก่อนออกไปเยือนอาเซอร์ไบจานในอีกสามวันถัดมา เดอชองส์ตัดสินใจพึ่งประสบการณ์และความเป็นผู้นำของก็องเต้อีกครั้ง เพื่อเสริมความมั่นคงให้แดนกลาง

กองกลางที่มี 64 นัดในนามทีมชาติรายนี้จะเข้ามาแทนที่ผู้เล่นหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ เช่น อุสมาน เดมเบเล, โอเรเลียง ชูอาเมนี และอาเดรียง ราบิโอต์ การกลับมาของเขายังสะท้อนถึงความคงเส้นคงวาและความสามารถในการสร้างอิทธิพลในเกม แม้อยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ก็ตาม

“เขายังอยู่ในระดับสูงสุด” – เดอชองส์ชื่นชมความเป็นมืออาชีพของก็องเต้

เมื่อถูกถามถึงเหตุผลในการเรียกตัวก็องเต้กลับทีม เดอชองส์กล่าวว่า “ผมติดต่อกับเขาอยู่เสมอ เขายังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจากเกมที่ผมได้ชม เขาลงเล่นทุกสามหรือสี่วัน เขายังสมควรถูกเรียกติดทีม และนั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกเขา”

เดอชองส์กล่าวเพิ่มเติมว่า “เขาจำเป็นต้องรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ เขามีสถานะและประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ เมื่อผมเรียกเขามา ไม่ใช่เพียงเพื่อเติมเต็มทีม แต่เพื่อมอบบทบาทสำคัญให้เขา ในการแข่งขันที่เรากำลังจะเจอซึ่งอาจตัดสินเส้นทางของเรา เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ผมคิดถึงอยู่เสมอ ทีมงานของผมและผมเองต่างติดตามผลงานของเขาอย่างใกล้ชิด เขายังรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้สวมเสื้อตัวนี้”

กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสยังเน้นย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความคิดถึงอดีต แต่เป็นเพราะก็องเต้ยังคงเป็นส่วนสำคัญทางแท็กติกที่สามารถควบคุมจังหวะของเกมและรักษาสมดุลในแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม คำพูดของเดอชองส์สะท้อนถึงความเคารพอย่างลึกซึ้งที่มีต่ออิทธิพลของก็องเต้ทั้งในและนอกสนาม แม้จะมีดาวรุ่งอย่างเอดูอาร์โด กามาวิงก้า และวอเรน ซาอีร์-เอเมรี กำลังเติบโตขึ้น แต่เดอชองส์ยังคงเชื่อว่าผู้ชนะฟุตบอลโลกปี 2018 รายนี้มีคุณค่าอันโดดเด่นจากพลังและประสบการณ์ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว

สัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งและภาวะผู้นำ

มีผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่สามารถรักษาความสม่ำเสมอและมาตรฐานสูงเหมือนเอ็นโกโล ก็องเต้ ตั้งแต่แจ้งเกิดกับเลสเตอร์ ซิตี้ในปี 2016 ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกจนสร้างชื่อในวงการฟุตบอล เขาได้กวาดถ้วยรางวัลสำคัญแทบทั้งหมด—สองแชมป์พรีเมียร์ลีก หนึ่งแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก และหนึ่งแชมป์ฟุตบอลโลก

กับอัล-อิตติฮัด เขายังคงแสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำและฟอร์มการเล่นที่มั่นคง แม้ลีกโปรซาอุดีอาระเบียจะถูกตั้งคำถามเรื่องคุณภาพการแข่งขัน แต่ก็องเต้ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นต่างชาติไม่กี่รายที่สามารถรักษาความฟิตและความมุ่งมั่นในระดับสูงได้ในทุกรายการ

ทีมงานของเดอชองส์ได้ติดตามฟอร์มของก็องเต้อย่างใกล้ชิด และประทับใจกับความฟิตและอิทธิพลของเขาในสนาม เขาไม่ใช่นักเตะจากซาอุดีอาระเบียเพียงคนเดียวที่ถูกเรียกติดทีมชาติฝรั่งเศส ล่าสุด ธีโอ แอร์กน็องเดซ จากอัล-ฮิลาล ก็ได้รับโอกาสเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงแนวทางใหม่ของเดอชองส์ที่เปิดกว้างต่อผู้เล่นที่ค้าแข้งนอกลีกยุโรปชั้นนำ

ในขณะเดียวกัน ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า กองหน้าจากคริสตัล พาเลซ ยังคงมีชื่อติดทีมหลังจากประเดิมสนามเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนดาวรุ่งอย่างรายัน แชร์กี และแรนดัล โคโล มูอานี ก็กลับมามีชื่ออีกครั้งหลังหายจากอาการบาดเจ็บ

การกลับมาของก็องเต้ที่ยังคงรุ่งเรือง

หลังจากต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บในช่วงท้ายของอาชีพกับเชลซี การฟื้นคืนฟอร์มของก็องเต้กลายเป็นเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจในวงการฟุตบอล การเล่นของเขาในศึกยูโร 2024 ซึ่งฝรั่งเศสเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แสดงให้เห็นว่าสภาพร่างกายและสมาธิในการเล่นเกมใหญ่ยังคงแข็งแกร่ง

เมื่อทีมชาติฝรั่งเศสใกล้จะคว้าตั๋วไปฟุตบอลโลก การกลับมาของก็องเต้ช่วยเพิ่มความมั่นคงให้แดนกลาง ความเข้าใจของเขาในระบบการเล่นของเดอชองส์ รวมกับสัญชาตญาณอันเฉียบคมในการแย่งบอล ทำให้เขากลายเป็นแกนหลักในทีมที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่าน

สองเกมสุดท้ายที่กำลังจะมาถึงจะเป็นตัวชี้ชะตาไม่เพียงแต่เส้นทางของฝรั่งเศส แต่ยังรวมถึงอนาคตในทีมชาติของก็องเต้ด้วย สำหรับเขา นี่คือโอกาสพิสูจน์ว่า “ชั้นเชิงและความสม่ำเสมอที่แท้จริง” ไม่เคยเลือนหายไป แม้เส้นทางในยุโรปจะดูเหมือนจบลงแล้วก็ตาม

สายตาทุกคู่จะจับจ้องไปที่เขาเมื่อฝรั่งเศสเปิดบ้านพบยูเครนที่กรุงปารีส หากความเชื่อมั่นของเดอชองส์พิสูจน์ได้ว่าถูกต้อง การกลับมาของก็องเต้จะเป็นอีกบทสำคัญที่เติมเต็มเรื่องราวของแชมป์โลกปี 2018 รายนี้อีกครั้ง

Related News