ผลการแข่งขันบาร์เซโลนาพบเอลเช่: บาร์เซโลนาเอาชนะเอลเช่ 3-1 ที่เอสตาดิโอ โอลิมปิก หลุยส์ กอมปันญ์
Mansion Sports – การแข่งขันลาลีกาสเปนนัดที่ 11 ฤดูกาล 2025/2026 ที่สนามเอสตาดิโอ โอลิมปิก หลุยส์ กอมปันญ์จบลงด้วยชัยชนะของบาร์เซโลนาที่เอาชนะเอลเช่ไปด้วยสกอร์ 3-1 โดยสามประตูของเจ้าบ้านมาจากลามีน ยามาล, เฟร์ราน ตอร์เรส และมาร์คัส แรชฟอร์ด ส่วนเอลเช่ได้หนึ่งประตูจากราฟา เมียร์
ชัยชนะครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเฉียบคมของแนวรุกภายใต้การคุมทีมของฮันซี ฟลิค ที่สามารถเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อหน้าแฟนบอลของตนเอง แม้ว่าจะไม่ได้ครองเกมเหนือกว่าตลอดการแข่งขัน แต่บาร์เซโลนายังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้โอกาสอย่างมีประสิทธิผล พร้อมหยุดความพยายามของทีมเยือนที่นำโดยเอดร์ ซาราเบียได้สำเร็จ
ด้วยสามคะแนนในเกมนี้ บาร์เซโลนาเก็บเพิ่มเป็น 25 คะแนนจาก 11 นัด กลับขึ้นมารั้งอันดับสองของตารางลาลีกา ไล่จี้เรอัลมาดริดที่อยู่จ่าฝูงอย่างใกล้ชิด ขณะที่เอลเช่ยังคงอยู่อันดับเก้าด้วย 14 คะแนน
การแข่งขันในครึ่งเวลาแรก
เกมเริ่มต้นด้วยจังหวะเร็วและเข้มข้นตั้งแต่นาทีแรก บาร์เซโลนาเปิดเกมรุกทันทีและได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วในนาทีที่ 9 จากจังหวะที่เอลเช่เสียบอลในแดนของตัวเอง อเลฆานโดร บัลเด้ลากบอลจากฝั่งซ้ายก่อนเปิดบอลเข้ากลางให้ลามีน ยามาลยิงจบสกอร์อย่างนิ่งส่งบอลเข้าตาข่ายให้บาร์เซโลนาขึ้นนำ 1-0
เพียงสามนาทีต่อมา เอลเช่ต้องเสียประตูอีกครั้งจากความผิดพลาดของอาเดรีย เปโดรซา เฟร์มิน โลเปซฉกบอลได้จากกลางสนามและจ่ายต่อให้เฟร์ราน ตอร์เรสยิงอย่างไม่พลาด ทำให้เจ้าบ้านนำห่างเป็น 2-0
บาร์เซโลนาครองเกมได้อย่างมั่นใจ มาร์คัส แรชฟอร์ดสร้างความอันตรายอย่างต่อเนื่องทางฝั่งซ้าย แม้จะได้โอกาสหลายครั้งแต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูเพิ่มได้
เอลเช่เริ่มปรับเกมและเพิ่มแรงกดดัน โดยมีราฟา เมียร์เป็นจุดเด่นในแนวรุก ในนาทีที่ 39 เฟร์ราน ตอร์เรสได้โอกาสยิงอีกครั้งแต่ถูกอินญากี เปญาป้องกันไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ไม่นานหลังจากนั้น เอลเช่ได้ประตูตีไข่แตกในนาทีที่ 42 จากจังหวะสวนกลับเร็ว อัลบาโร นูนเญซจ่ายให้ราฟา เมียร์ที่ยิงเข้าเสาไกลผ่านมือวอยแช็ก เชสนี่ ทำให้สกอร์ไล่มาเป็น 2-1
ก่อนหมดครึ่งแรก บาร์เซโลนายังมีโอกาสเพิ่มประตูจากตอร์เรสและยามาล แต่ทั้งคู่ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้สำเร็จ จบครึ่งแรกเจ้าบ้านนำ 2-1
การแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง
เอลเช่เริ่มครึ่งหลังด้วยความพยายามสร้างความประหลาดใจจากจังหวะยิงของราฟา เมียร์ แต่บอลหลุดกรอบออกไปเพียงเล็กน้อย บาร์เซโลนาตอบโต้ทันทีด้วยเกมสวนกลับที่เกือบทำให้ได้ประตูเพิ่ม แต่แรชฟอร์ดยังไม่สามารถจบจังหวะสุดท้ายจากการจ่ายของตอร์เรสได้อย่างแม่นยำ
ทีมเยือนมีโอกาสทองสองครั้งติดต่อกันจากอันเดร ซิลวาและราฟา เมียร์ ในนาทีที่ 54 เมียร์ได้บอลในเขตโทษแต่ยิงข้ามคานอย่างน่าเสียดาย ทำให้บาร์เซโลนายังรักษาความได้เปรียบไว้ได้
ฮันซี ฟลิคตัดสินใจเปลี่ยนตัวในนาทีที่ 66 โดยส่งดานี โอลโม่ลงสนามแทนเฟร์มิน โลเปซเพื่อเพิ่มการควบคุมจังหวะในแดนกลาง การปรับเปลี่ยนดังกล่าวได้ผลทันที เพราะบาร์เซโลนากลับมาครองเกมได้อีกครั้ง
ประตูที่สามของเจ้าบ้านเกิดขึ้นในนาทีที่ 61 จากจังหวะที่โลเปซเปิดบอลโค้งเข้าเขตโทษให้มาร์คัส แรชฟอร์ด หลอกเปโดรซาและซัดด้วยเท้าขวาเต็มแรง บอลพุ่งชนคานก่อนเด้งเข้าประตู กลายเป็นประตูปิดเกมให้บาร์เซโลนานำห่าง 3-1 ท่ามกลางเสียงเฮของแฟนบอลทั้งสนาม
หลังจากนั้นบาร์เซโลนาเล่นด้วยความระมัดระวังมากขึ้นเพื่อรักษาสมดุลของเกม โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บถูกส่งลงสนามแทนแรชฟอร์ดในนาทีที่ 74 ขณะที่เอลเช่ยังพยายามบุกโดยมีราฟา เมียร์เป็นตัวหลัก แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าบ้านได้
ในช่วงท้ายเกม ฟลิคให้โอกาสผู้เล่นดาวรุ่งอย่างรูนี บาร์ดกีและดรอ เฟร์นันเดซได้ลงสนาม เอลเช่ยังคงพยายามหาประตูเพิ่มแต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น บาร์เซโลนาปิดเกมด้วยชัยชนะ 3-1 และขยายสถิติไม่แพ้เอลเช่เป็น 22 นัดติดต่อกัน
สถิติการแข่งขันบาร์เซโลนาพบเอลเช่