ผลการแข่งขันเรอัล มาดริด พบ บาร์เซโลนา: ราชันชุดขาวปราบเจ้าบุญทุ่มในซานติอาโก เบร์นาเบว
Mansion Sports – สโมสรเรอัล มาดริดสามารถเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างบาร์เซโลนาไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 ในศึกเอล กลาซิโก นัดที่ 10 ของลาลีกา ฤดูกาล 2025/2026 ซึ่งจัดขึ้นที่สนามซานติอาโก เบร์นาเบว
สองประตูสำคัญของทีมเจ้าบ้านมาจากฝีเท้าของคีเลียน เอ็มบัปเป้ และจู๊ด เบลลิงแฮม ส่วนทีมเยือนบาร์เซโลนาได้หนึ่งประตูปลอบใจจากแฟร์มิน โลเปซ
การแข่งขันเต็มไปด้วยความตึงเครียดตั้งแต่นาทีแรก โดยมีเหตุการณ์ปะทะและการตัดสินที่ถกเถียงกันหลายครั้ง เช่น การยกเลิกจุดโทษจากการตรวจสอบ VAR และใบแดงของเปดรีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
เหตุการณ์ร้อนแรงยังเกิดขึ้นบริเวณข้างสนามเมื่อผู้เล่นและสตาฟฟ์ของทั้งสองทีมมีปากเสียงกันในช่วงท้ายเกม
ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ทีมของชาบี อลอนโซ่ ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนนด้วย 27 คะแนน ทิ้งห่างบาร์เซโลนาที่อยู่อันดับสองออกไป 5 คะแนน
นอกจากนี้ ยังเป็นการยืดสถิติชนะรวดของเรอัล มาดริดในถิ่นเบร์นาเบวเป็น 9 นัดติดต่อกันในทุกรายการ
เหตุการณ์สำคัญในครึ่งเวลาแรก
ทันทีที่เสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้น การแข่งขันก็เต็มไปด้วยความเข้มข้น เรอัล มาดริดเกือบได้จุดโทษตั้งแต่นาทีที่ 4 หลังจากวินิซิอุส จูเนียร์ถูกลามีน ยามัลทำฟาวล์ในเขตโทษ
อย่างไรก็ตาม หลังจากผู้ตัดสินเซซาร์ โซโต กราโดตรวจสอบภาพช้าผ่าน VAR เขาตัดสินใจยกเลิกจุดโทษดังกล่าว
เพียงไม่กี่นาทีต่อมา คีเลียน เอ็มบัปเป้มีโอกาสพาทีมขึ้นนำด้วยการยิงวอลเลย์เต็มข้อเข้าประตู แต่ถูกยกเลิกเพราะล้ำหน้า เหตุการณ์นี้กลายเป็นสัญญาณเตือนให้แนวรับของบาร์เซโลนาต้องระวังการโจมตีที่รวดเร็วของเจ้าบ้าน
เรอัล มาดริดได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 22 เมื่อจู๊ด เบลลิงแฮมส่งบอลทะลุช่องอย่างแม่นยำให้เอ็มบัปเป้หลุดเข้าไปยิงด้วยความเยือกเย็น ส่งบอลเสียบมุมขวาประตู ทำให้มาดริดนำ 1-0
บาร์เซโลนาไม่ยอมแพ้และสามารถตีเสมอในนาทีที่ 38 จากจังหวะที่มาร์คัส แรชฟอร์ดเปิดบอลจากฝั่งซ้ายให้แฟร์มิน โลเปซยิงเข้าประตูอย่างเฉียบคมผ่านมือธิโบต์ กูร์ตัวส์ ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1
อย่างไรก็ตาม เจ้าบ้านกลับมานำอีกครั้งในเวลาเพียง 5 นาทีถัดมา จากจังหวะที่วินิซิอุสเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ เอแดร์ มิลิเตาโหม่งตั้งให้เบลลิงแฮมซัดจ่อ ๆ เข้าประตู ส่งเรอัล มาดริดขึ้นนำ 2-1
ในช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรก ทั้งสองทีมมีโอกาสทำประตูกันหลายครั้ง แต่ไม่มีสกอร์เพิ่ม เรอัล มาดริดจบครึ่งแรกด้วยการนำอยู่ 2-1
ความเข้มข้นในครึ่งเวลาหลัง
เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง บาร์เซโลนาพยายามเปิดเกมรุกเพื่อทวงประตูคืน แต่เรอัล มาดริดรักษาระเบียบเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม
ในนาทีที่ 49 เรอัล มาดริดเรียกร้องจุดโทษอีกครั้ง หลังจากบอลไปโดนมือของเอริก การ์เซีย ผู้ตัดสินตรวจสอบ VAR ก่อนจะชี้ไปที่จุดโทษ
คีเลียน เอ็มบัปเป้รับหน้าที่ยิง แต่วอยแช็ก เชสนี่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมปัดลูกยิงไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้สกอร์ยังคงอยู่ที่ 2-1
หลังจากนั้น เกมดำเนินไปอย่างดุเดือดมากขึ้น บาร์เซโลนาโต้กลับได้อย่างรวดเร็วหลายครั้งโดยมีแฟร์มิน โลเปซและแรชฟอร์ดเป็นตัวหลัก แต่กูร์ตัวส์ป้องกันได้ทุกจังหวะ
ในขณะเดียวกัน การโจมตีจากวินิซิอุสและโรดรีโกก็ยังคงสร้างความกดดันให้แนวรับของบาร์เซโลนาอย่างต่อเนื่อง
ในช่วง 20 นาทีสุดท้าย โค้ชของทั้งสองทีมทำการเปลี่ยนตัวผู้เล่นหลายรายเพื่อเพิ่มความสดใหม่ในเกม โดยวินิซิอุสถูกเปลี่ยนออกให้โรดรีโกลงเล่นแทน ส่วนอลอนโซ่ถอดเฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ออกและส่งดานี การ์บาฆาลลงสนาม
ด้านบาร์เซโลนา ชาบี เอร์นานเดซส่งโรนัลด์ อเราโฆและลูคัส บาร์ดจ์จีลงมาเพิ่มความแข็งแกร่งในแนวรุก
เกมถึงจุดเดือดสุดในนาทีที่ 90+10 เมื่อเปดรีถูกใบเหลืองที่สองจากการเข้าสกัดหนักใส่ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ทำให้เขาต้องออกจากสนาม เหตุการณ์นี้จุดชนวนให้เกิดการโต้เถียงในเขตเทคนิค โดยมีผู้เล่นสำรองอย่างวินิซิอุสและราฟินญาเข้ามามีส่วนร่วมในการปะทะด้วย
เรอัล มาดริดสามารถรักษาสกอร์นำไว้ได้จนกระทั่งเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นในนาทีที่ 90+12 ทำให้พวกเขาเก็บชัยชนะในบ้านเป็นนัดที่ 9 ติดต่อกัน และขยายช่องว่างจากบาร์เซโลนาในการลุ้นแชมป์ลาลีกาฤดูกาล 2025/2026