Mansion Sports – การแข่งขันระหว่าง อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน ในสัปดาห์ที่ 12 ของศึกกัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 2025/2026 ที่ซานซิโร มอบฉากต่อสู้คลาสสิกที่เต็มไปด้วยความกดดันตั้งแต่นาทีแรกของเกม พร้อมสะท้อนว่า ดาร์บี เดลลา มาดอนนีนา ยังคงเป็นหนึ่งในศึกระหว่างทีมร่วมเมืองที่ทรงเสน่ห์ไม่เคยเสื่อมคลาย

ประตูตัดสินการแข่งขันและความเฉียบคมของแนวรุกมิลาน

คริสเตียน พูลิซิช กลายเป็นผู้ทำประตูชัยในนาทีที่ 54 ท่ามกลางเกมที่สูสีกันอย่างเข้มข้น แม้อินเตอร์จะครองบอลได้มากถึง 64 เปอร์เซ็นต์ พร้อมยิง 16 ครั้ง และตรงกรอบ 5 ครั้ง แต่เอซี มิลานกลับแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในเกมรุกด้วยการยิงเพียง 8 ครั้งและเข้ากรอบ 3 ครั้ง ไมค์ ไมญ็อง เพิ่มความมั่นใจให้ทีมหลังจากเซฟจุดโทษของ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ในครึ่งหลัง ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม

ตลอดการแข่งขัน อินเตอร์สร้างแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่ความมีวินัยของมิลานในการรับมือสถานการณ์และการใช้จังหวะสำคัญอย่างเฉียบคมทำให้พวกเขาคว้าความได้เปรียบไว้ได้สำเร็จ

สภาพทีมและแนวทางการเล่นของทั้งสองสโมสร

เกมนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับทีมที่กำลังไล่ล่าตำแหน่งหัวตาราง อินเตอร์ลงสนามโดยไม่มี เดนเซล ดัมฟรีส์ และ เฮนริค มคิทาร์ยาน ขณะที่ มาร์คุส ตูราม กลับมาเป็นตัวจริงหลังหายไปตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ส่วนมิลานได้กำลังสำคัญเพิ่มขึ้นจากการกลับมาของ คริสเตียน พูลิซิช, อาเดรียง ราบิโอต์ และ ฟิคาโย โตโมรี

อินเตอร์เริ่มเกมด้วยความดุดัน ตั้งแต่นาทีที่ 4 ตูรามเกือบโหม่งพังประตู แต่ไมญ็องปฏิเสธด้วยปฏิกิริยาอันยอดเยี่ยม โอกาสยังคงตามมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวะโหม่งของ ฟรานเชสโก อาแชร์บี ที่ชนคาน รวมถึงโอกาสของ เลาตาโร มาร์ติเนซ ที่ถูกไมญ็องเซฟได้อีกครั้ง

ช่วงเวลาสำคัญที่เปลี่ยนทิศทางของเกม

มิลานพยายามสวนกลับจากจังหวะเปลี่ยนเกม และพูลิซิชมีโอกาสใส่สกอร์จากการยิงโค้งที่เฉียดเสาไกลไปนิดเดียว ก่อนที่จังหวะสำคัญจะเกิดขึ้นเมื่อ ยูซุฟ โฟฟานา แย่งบอลจากชัลฮาโนกลู เปิดทางให้เกมรุกที่ลงตัว และการยิงของ อเล็กซิส ซาเลอมาเกอร์ส ที่ผู้รักษาประตูอินเตอร์ปัดออกไปเข้าทางพูลิซิช ซึ่งซัดจ่อ ๆ ไม่พลาด

อินเตอร์ได้โอกาสทองผ่าน VAR ที่มอบจุดโทษหลัง สตราฮินยา พัฟโลวิช ทำฟาวล์ตูราม แต่ไมญ็องป้องกันลูกยิงของชัลฮาโนกลูด้วยมือเดียว ซึ่งส่งผลต่อจังหวะและสภาพจิตใจของทั้งสองทีมอย่างชัดเจน

ความหมายทางประวัติศาสตร์และบรรยากาศในสนาม

การแข่งขันครั้งนี้มีนัยสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นดาร์บีแรกหลังจากที่ทั้งอินเตอร์และเอซี มิลานซื้อพื้นที่รอบซานซิโรร่วมกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างสนามใหม่ในอนาคตอันใกล้ นอกจากนี้ ผู้เล่นของทั้งสองสโมสรยังติดสัญลักษณ์สีแดงบนแก้มเพื่อร่วมสนับสนุนการรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง

ความพยายามช่วงท้ายเกมของอินเตอร์และความมั่นคงของมิลาน

อินเตอร์เดินหน้าบุกหนักในช่วงท้ายเกม โดย นิโคโล บาเรลลา มีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์โอกาส ขณะที่ มานูเอล อาคานจี และ แอนดี ดิยูฟ ต่างมีโอกาสลุ้นทำประตู แต่ไมญ็องยังคงหยุดได้ทั้งหมด รวมถึงจังหวะยิงของ อ็องช์-โยอัน บอนนี ที่หลุดข้ามคานไป

มิลานรักษาวินัยเกมรับอย่างเหนียวแน่น โดยคำสั่งของ มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี ให้แดนกลางคุมพื้นที่อย่างรัดกุม ทำให้อินเตอร์แทบไม่สามารถหาจังหวะยิงที่ชัดเจนในช่วง 15 นาทีสุดท้ายได้ เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น มิลานคว้าชัยจากสองปัจจัยชัดเจน: ความเฉียบคมของพูลิซิช และสัญชาตญาณเซฟของไมญ็อง

ชัยชนะครั้งนี้ส่งเอซี มิลานขึ้นสู่อันดับสองของตาราง และตอกย้ำว่าในเกมใหญ่เช่นดาร์บีแห่งมิลาน ความเฉียบขาดในช่วงเวลาสำคัญคือสิ่งที่ตัดสินผลแพ้ชนะได้อย่างแท้จริง

สถิติการแข่งขัน อินเตอร์ vs มิลาน