ผลการแข่งขัน เชลซี พบ อาแจ็กซ์: สิงห์บลูส์เปิดรังถล่ม 5-1 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์
Mansion Sports – สโมสร เชลซี เอฟซี (Chelsea FC) แสดงฟอร์มอันดุดันต่อหน้าแฟนบอลเจ้าบ้านในสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ (Stamford Bridge) หลังไล่ถล่ม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม (AFC Ajax) ไปอย่างขาดลอย 5-1 ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สามของศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/2026
เกมนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตั้งแต่นาทีแรก โดยอาแจ็กซ์ต้องเผชิญสถานการณ์ยากลำบากเมื่อเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนตั้งแต่นาทีที่ 17 หลัง เคนเน็ธ เทย์เลอร์ (Kenneth Taylor) ถูกใบแดงไล่ออกจากสนามจากการตัดสินของ VAR
ผู้ทำประตูให้เชลซีในเกมนี้ได้แก่ มาร์ก กีอู (Marc Guiu, 18’), มอยเซส ไกเซโด้ (Moisés Caicedo, 27’), เอ็นโซ แฟร์นานเดซ (Enzo Fernández, 45’), เอสเตวาว วิลเลียน (Estevão Willian, 45+6’) และ ไทริค จอร์จ (Tyrique George, 48’)
ส่วนประตูเดียวของอาแจ็กซ์มาจากจุดโทษที่ เวาท์ เว็กฮอร์สต์ (Wout Weghorst, 33’) สังหารเข้าไปไม่พลาด
ชัยชนะครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงการกลับมาของทีมพลังหนุ่มภายใต้การคุมทีมของ เอนโซ มาเรสกา (Enzo Maresca) ที่เก็บได้ 6 คะแนนจาก 3 นัด รั้งตำแหน่งลุ้นผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ ขณะที่อาแจ็กซ์ยังไม่ชนะใครและตกไปอยู่ท้ายตารางกลุ่ม
ครึ่งแรก: อาแจ็กซ์เสียสมดุลหลังใบแดง – เชลซีระเบิดฟอร์มท่ามกลางสายฝน
การแข่งขันเริ่มต้นภายใต้สายฝนโปรยปราย โดยทั้งสองทีมเปิดเกมรุกอย่างรวดเร็ว อาแจ็กซ์พยายามสร้างโอกาสจากความคิดสร้างสรรค์ของ ออสการ์ กลูคห์ (Oscar Gloukh) และ มีคา ก็อดต์ส (Mika Godts) แต่ยังขาดความมั่นใจเมื่อต้องเผชิญแรงกดดันจากแนวรุกอันดุดันของเชลซี
ทีมเจ้าบ้านซึ่งส่งผู้เล่นดาวรุ่งลงหลายตำแหน่ง แสดงพลังและความมั่นใจตั้งแต่ต้นเกม กระทั่งนาทีที่ 17 เหตุการณ์สำคัญก็เกิดขึ้นเมื่อ เคนเน็ธ เทย์เลอร์ ถูก VAR ยืนยันว่าเข้าปะทะแรงเกินเหตุใส่ ฟาคุนโด บัวนาโนตเต (Facundo Buonanotte) ส่งผลให้ถูกใบแดงโดยตรงและถูกไล่ออกจากสนาม
ทันทีหลังจากนั้น เพียงหนึ่งนาทีถัดมา เชลซีก็ฉวยโอกาสขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ เวสลีย์ โฟฟานา (Wesley Fofana) เปิดบอลให้ มาร์ก กีอู ยิงจ่อ ๆ เข้าประตู ถือเป็นประตูแรกของแข้งวัยเยาว์รายนี้ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
ความได้เปรียบด้านตัวผู้เล่นทำให้เชลซีเล่นอย่างมั่นใจมากขึ้น นาทีที่ 27 มอยเซส ไกเซโด้ ซัดไกลจากระยะกว่า 25 หลา บอลแฉลบ โยซิป ชูตาโล (Josip Šutalo) เปลี่ยนทางเข้าประตู ทำให้เจ้าบ้านนำห่าง 2-0
อย่างไรก็ตาม ในนาทีที่ 31 อาแจ็กซ์ได้โอกาสตีไข่แตกเมื่อ โตซิน อดาราบิโอยอ (Tosin Adarabioyo) ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ และ เวาท์ เว็กฮอร์สต์ รับหน้าที่ยิงไม่พลาด เปลี่ยนสกอร์เป็น 2-1
แต่เชลซียังคงครองเกมเหนือกว่าอย่างชัดเจน ก่อนจบครึ่งแรกพวกเขามาได้จุดโทษถึงสองครั้งติดต่อกัน ครั้งแรกในนาทีที่ 45 เอ็นโซ แฟร์นานเดซ ถูกเว็กฮอร์สต์ทำฟาวล์และลุกขึ้นมาสังหารเองเข้าไป
ส่วนครั้งที่สองในช่วงทดเวลา ซิลวาโน บาสส์ (Silvano Baas) ทำฟาวล์ใส่ เอสเตวาว วิลเลียน ก่อนเจ้าหนูดาวรุ่งชาวบราซิลจะรับหน้าที่ยิงอย่างเฉียบขาดในนาทีที่ 45+6 ส่งผลให้เชลซีนำห่าง 4-1 เมื่อจบครึ่งแรก
ครึ่งหลัง: เชลซีเดินหน้าไม่หยุด – อาแจ็กซ์หมดแรงต้าน
เริ่มครึ่งหลัง กุนซือเอนโซ มาเรสกาตัดสินใจปรับเกมเพื่อรักษาความสดของผู้เล่น โดยเปลี่ยนตัว เอ็นโซ แฟร์นานเดซ, ไกเซโด้, และ กีอู ออก แล้วส่ง อันเดรย์ ซานโตส (Andrey Santos), ไทริค จอร์จ, และ เทรโวห์ ชาโลบาห์ (Trevoh Chalobah) ลงมาแทน
การปรับตัวนี้ได้ผลในทันที เมื่อผ่านไปเพียงสองนาที ไทริค จอร์จ ยิงประตูที่ห้าหลังเก็บบอลจากจังหวะชุลมุนหน้าประตูและซัดผ่านมือ เรมโค ปาสเฟียร์ (Remko Pasveer) เข้าไป
หลังจากนั้น เกมกลายเป็นการครอบครองของเชลซีเกือบฝ่ายเดียว เอสเตวาว วิลเลียน เกือบทำประตูสุดสวยจากลูกจักรยานอากาศในนาทีที่ 83 ขณะที่ โรเมโอ ลาเวีย (Romeo Lavia) และ เจมี ไบโน-กิตเทนส์ (Jamie Bynoe-Gittens) ยังคงโจมตีจากด้านข้างอย่างต่อเนื่อง
อาแจ็กซ์ซึ่งเหลือผู้เล่นน้อยกว่า ไม่สามารถสร้างโอกาสได้เลยในครึ่งหลัง โดยสถิติระบุว่าพวกเขาไม่มีลูกยิงตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียวหลังพักครึ่ง
ขณะเดียวกัน เชลซียังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและพลังของนักเตะรุ่นใหม่ โดยในนาทีที่ 66 มาเรสกาได้มอบโอกาสประเดิมสนามยุโรปให้กับ เรจจี้ วอลช์ (Reggie Walsh) ซึ่งได้รับเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นจากแฟนบอล
เมื่อเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้น สกอร์ 5-1 ยังคงอยู่เหมือนเดิม สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์เต็มไปด้วยเสียงเฮจากแฟน ๆ ที่เฉลิมฉลองชัยชนะอันยิ่งใหญ่นี้ ถือเป็นชัยชนะนัดที่สองของเชลซีในเวทียุโรปฤดูกาลนี้
ในทางกลับกัน สำหรับกุนซือ จอห์น ไฮติงกา (John Heitinga) และลูกทีม นี่คือฝันร้ายที่ต่อเนื่องหลังพ่ายติดต่อกันถึง 6 นัดในฟุตบอลยุโรป
สถิติการแข่งขัน เชลซี พบ อาแจ็กซ์
บทสรุป
ชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ของ เชลซี ครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มความมั่นใจในการลุ้นผ่านเข้ารอบเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำศักยภาพของนักเตะดาวรุ่งภายใต้การดูแลของเอนโซ มาเรสกา
การเล่นที่ดุดันและมีระเบียบของ เอสเตวาว วิลเลียน, มาร์ก กีอู, และ ไทริค จอร์จ แสดงให้เห็นว่ารุ่นใหม่ของ “สิงห์บลูส์” พร้อมแล้วที่จะต่อสู้ในระดับสูงสุดของฟุตบอลยุโรปอย่างสง่างามและมั่นคง.