Mansion Sports – การแข่งขันครั้งใหญ่ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปี 2026 โซนยุโรป กลุ่ม J กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อทีมชาติเวลส์เตรียมเปิดสนามคาร์ดิฟฟ์ซิตีเพื่อต้อนรับการมาเยือนของทีมชาติเบลเยียมในวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2025 เวลา 19.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น

แมตช์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทั้งสองทีมกำลังไล่ล่าตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่มอย่างสูสี โดยเบลเยียมมีอยู่ 11 คะแนนจาก 5 นัด ส่วนเวลส์เก็บมาได้ 10 คะแนนจากจำนวนเกมเท่ากัน ขณะที่มาซิโดเนียเหนือครองตำแหน่งจ่าฝูงชั่วคราวด้วย 12 คะแนน การคว้าชัยชนะในเกมนี้จึงมีความหมายมาก เพราะอาจเป็นก้าวสำคัญสู่การคว้าสิทธิ์ไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ

สถานการณ์ของทั้งสองทีมก่อนการแข่งขัน

ทีมชาติเวลส์

การได้เล่นในบ้านถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญของเวลส์ โดยในสองนัดเหย้าหลังสุดของรอบคัดเลือก พวกเขาสามารถเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด บรรยากาศที่สนามคาร์ดิฟฟ์ซิตี สเตเดียม และแรงเชียร์จากแฟนบอลถูกคาดหมายว่าจะช่วยเพิ่มพลังให้กับทีมของ เคร็ก เบลลามี ได้เป็นอย่างดี

แม้ในเกมอุ่นเครื่องก่อนหน้านี้ เวลส์จะแพ้อังกฤษ 0-3 แต่ฟอร์มการเล่นของ เบรนแนน จอห์นสัน และเพื่อนร่วมทีมแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ไม่ควรมองข้าม นอกจากนี้ เวลส์ยังมีสถิติในบ้านที่แข็งแกร่ง โดยไม่แพ้ในเวลา 90 นาทีในเกมแข่งขันทางการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 เป็นต้นมา โดยเป็นชัยชนะ 6 นัด และเสมอ 3 นัด

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เวลส์ต้องปรับปรุงคือเกมรับในช่วงครึ่งเวลาแรก เพราะใน 4 นัดล่าสุด พวกเขาเสียประตูถึง 7 ครั้งก่อนจบครึ่งแรก หากไม่เร่งแก้ไขปัญหานี้ การรับมือกับทีมอย่างเบลเยียมจะเป็นเรื่องยากมาก หากไม่สามารถคว้าชัยในนัดนี้ เวลส์ยังมีโอกาสผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟกับมาซิโดเนียเหนือในเดือนพฤศจิกายน แต่หากเก็บสามแต้มได้ โอกาสไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายโดยตรงจะเปิดกว้างมากขึ้น

ทีมชาติเบลเยียม

ในอีกฟากหนึ่ง เบลเยียมเดินทางมาคาร์ดิฟฟ์พร้อมกับผลงานที่ไม่สมบูรณ์นัก หลังจากในเกมล่าสุดพวกเขาทำได้เพียงเสมอกับมาซิโดเนียเหนือ 0-0 ทั้งที่เป็นฝ่ายครองบอลเหนือกว่าชัดเจนและมีโอกาสยิงมากกว่า 20 ครั้ง ความไม่เฉียบคมในแดนหน้ากลายเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องแก้ไข

รูดี การ์เซีย กุนซือของทีม ยอมรับว่าการไร้ประตูในนัดนั้นถือเป็นเรื่องน่าผิดหวัง เนื่องจากก่อนหน้านี้ เบลเยียมทำประตูได้ถึง 17 ลูกจาก 5 นัดแรกของรอบคัดเลือก การขาดหายไปของ โรเมลู ลูกากู เนื่องจากอาการบาดเจ็บ ถือเป็นการสูญเสียกำลังสำคัญในแดนหน้า ทำให้ โลอิส โอเพนดา อาจได้ลงเป็นกองหน้าตัวจริง

ในเกมพบกันครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เบลเยียมเฉือนเอาชนะเวลส์ไปได้ 4-3 จากประตูชัยในนาทีที่ 88 ของ เควิน เดอ บรอยน์ อย่างไรก็ตาม ฟอร์มเกมเยือนของเบลเยียมไม่คงเส้นคงวานัก โดยชนะเพียง 1 นัดจาก 10 เกมเยือนหลังสุด ซึ่งอาจกลายเป็นจุดอ่อนที่เจ้าถิ่นสามารถใช้เล่นงานได้

ตารางคะแนนกลุ่ม J ก่อนการแข่งขัน

รายชื่อนักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม เวลส์ พบ เบลเยียม

เวลส์ (ระบบ 4-2-3-1)

คาร์ล ดาร์โลว์ จะยืนเฝ้าเสา แนวรับประกอบด้วย เนโก วิลเลียมส์, โจ โรดอน, เบน เดวีส์ และ เจย์ ดาซิลวา คู่มิดฟิลด์ตัวรับใช้ อีธาน อัมปาดู และ เลียม คัลเลน เป็นแกนกลาง ขณะที่แนวรุกมี เดวิด บรูคส์ และ แฮร์รี วิลสัน สนับสนุน คีฟเฟอร์ มัวร์ กองหน้าตัวเป้า โดย เบรนแนน จอห์นสัน จะปักหลักทางฝั่งซ้าย

• ผู้รักษาประตู: ดาร์โลว์
• กองหลัง: วิลเลียมส์, โรดอน, เดวีส์, ดาซิลวา
• กองกลาง: อัมปาดู, คัลเลน
• กองกลางตัวรุก: บรูคส์, วิลสัน, จอห์นสัน
• กองหน้า: มัวร์
• ผู้จัดการทีม: เคร็ก เบลลามี

เบลเยียม (ระบบ 4-2-3-1)

ธิโบต์ กูร์กตัวส์ จะลงเป็นผู้รักษาประตูตัวจริง แนวรับประกอบด้วย ทิโมธี คาสตาญ, เซโน เดบาสต์, อาร์เทอร์ เตอาเต และ ฮูโก ซีเกต์ หรือ เดอ คูย์เปอร์ คู่มิดฟิลด์ตัวรับใช้ อามาดู โอนานา และ นิโกลาส รัสกิน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ เควิน เดอ บรอยน์ ทำเกมรุก ขณะที่ ด็อคู และ ซาเลอมาเกอร์ส จะขึ้นเกมริมเส้น และ โอเพนดา ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า

• ผู้รักษาประตู: กูร์กตัวส์
• กองหลัง: คาสตาญ, เดบาสต์, เตอาเต, เดอ คูย์เปอร์
• กองกลาง: รัสกิน, โอนานา
• กองกลางตัวรุก: ซาเลอมาเกอร์ส, เดอ บรอยน์, ด็อคู
• กองหน้า: โอเพนดา
• ผู้จัดการทีม: รูดี การ์เซีย

บทสรุปก่อนการแข่งขัน

นี่คือแมตช์ที่ถูกคาดหมายว่าจะดุเดือดตั้งแต่นาทีแรก เวลส์จะใช้ความได้เปรียบจากการเล่นในบ้านและแรงเชียร์มหาศาลจากแฟนบอล ขณะที่เบลเยียมจะลงสนามด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับมาเก็บสามคะแนนหลังสะดุดในเกมก่อนหน้า

คำตอบว่าใครจะขึ้นนำจ่าฝูงกลุ่ม J จะถูกเปิดเผยที่สนามคาร์ดิฟฟ์ซิตี สเตเดียม ในค่ำคืนแห่งศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่างสองทีมแกร่งแห่งยุโรป อย่าพลาดทุกวินาทีของเกมที่มีเดิมพันสูงนัดนี้!