Mansion Sports – ศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/2026 ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ และหนึ่งในแมตช์เดย์แรกที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ นาโปลี ที่สนามเอติฮัด สเตเดียม ในวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน 2025 เวลา 20.00 น. 

ตามเวลาท้องถิ่น เกมนี้มีความพิเศษยิ่งกว่าการแข่งขันทั่วไป เนื่องจากเป็นการกลับมาเยือนถิ่นเก่าของ เควิน เดอ บรอยน์ อดีตตำนานของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผู้คว้าแชมป์ถึง 19 รายการตลอดทศวรรษที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้เขาจะลงสนามในฐานะนักเตะของนาโปลี และต้องเผชิญหน้ากับทีมเก่าที่เคยสร้างชื่อให้กับเขา

แมนเชสเตอร์ ซิตี้: ความมั่นใจเต็มเปี่ยมจากผลงานในบ้าน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงสนามด้วยความมั่นใจสูงหลังจากเพิ่งคว้าชัยใน แมนเชสเตอร์ ดาร์บี ด้วยสกอร์ 3-0 โดยมี เออร์ลิง ฮาแลนด์ เป็นฮีโร่ยิงสองประตู และ ฟิล โฟเดน ทำประตูเปิดเกม ความสำเร็จดังกล่าวช่วยฟื้นบรรยากาศภายในทีมหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ และไบรท์ตันก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม เป๊ป กวาร์ดิโอลา ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เนื่องจากโปรแกรมการแข่งขันที่หนักหน่วง โดยเฉพาะเกมใหญ่กับอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีกที่รออยู่ การเริ่มต้นอย่างแข็งแกร่งในแชมเปียนส์ลีกจึงถือเป็นสิ่งสำคัญ หลังจากฤดูกาลที่แล้วพวกเขาต้องหยุดเส้นทางเพียงรอบเพลย์ออฟด้วยการพ่ายแพ้ต่อเรอัล มาดริด

ความได้เปรียบที่ชัดเจนที่สุดของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือผลงานในบ้านที่เอติฮัด สเตเดียม พวกเขาไม่แพ้ใครเลยตลอด 21 นัดหลังสุดในรอบแบ่งกลุ่มหรือรอบลีกของแชมเปียนส์ลีก โดยเก็บชัยชนะได้ถึง 18 นัด และเสมอเพียง 3 นัด นอกจากนี้ยังมีสถิติยอดเยี่ยมในเกมเปิดสนาม ด้วยการชนะ 5 เสมอ 1 จาก 6 นัดล่าสุด ซึ่งทำให้แฟนบอล “เดอะ ซิติเซนส์” เต็มไปด้วยความคาดหวัง

นาโปลี: ความท้าทายครั้งใหญ่บนแผ่นดินอังกฤษ

นาโปลีเดินทางมาพร้อมความมั่นใจ หลังคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ภายใต้การนำของ อันโตนิโอ คอนเต้ พวกเขายังออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่ได้อย่างร้อนแรงด้วยชัยชนะ 3 นัดติดต่อกันในลีกภายในประเทศ การเข้ามาของ เควิน เดอ บรอยน์ ยิ่งเสริมพลังให้ทีม โดยเขายิงได้ 2 ประตูตั้งแต่เกมแรก ๆ ส่วน ราสมุส ฮอยลุนด์ ก็โชว์ฟอร์มทันทีด้วยการยิงประตูในเกมเปิดตัวกับฟิออเรนตินา

แต่เกมนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญที่สุดของนาโปลี เนื่องจากพวกเขายังไม่เคยชนะสโมสรจากพรีเมียร์ลีกในการเล่นเกมเยือนยุโรปตลอด 12 นัดที่ผ่านมา โดยมีเพียง 3 นัดเสมอ และแพ้ถึง 9 นัดเต็ม คอนเต้ตั้งเป้าที่จะลบสถิติเลวร้ายนี้ พร้อมพิสูจน์ว่านาโปลีมีศักยภาพเพียงพอสำหรับการแข่งขันระดับสูงสุด

นอกจากนี้ การกลับมาของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่เอติฮัด สเตเดียมยังสร้างแรงจูงใจพิเศษ ไม่เพียงแต่เป็นการเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมทีมเก่า แต่ยังเป็นเวทีที่เขาสามารถพิสูจน์ว่าตัวเองยังคงเปล่งประกายในฟุตบอลยุโรป

รายชื่อผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs นาโปลี 2025

แม้ทั้งสองทีมต่างเจอปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ แต่เกมนี้ยังคงเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ที่จะทำให้การแข่งขันน่าติดตามอย่างยิ่ง

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ระบบ 4-2-3-1)

• ผู้รักษาประตู: จานลุยจิ ดอนนารุมมา
• กองหลัง: ริโก ลูอิส, รูเบน ดิอาส, ยอสโก กวาร์ดิโอล, นาธาน อาเก้
• กองกลางตัวรับ: โรดรี, อังเคล กอนซาเลซ
• กองกลางตัวรุก: ซาวินโญ, ฟิล โฟเดน, เจเรมี โดกู
• ศูนย์หน้า: เออร์ลิง ฮาแลนด์
• ผู้จัดการทีม: เป๊ป กวาร์ดิโอลา

นักเตะอย่าง โอมาร์ มาร์มุช, รายัน แชร์กี, รายัน ไอต์-นูรี และ มาเตโอ โควาซิช หมดสิทธิ์ลงสนามเพราะบาดเจ็บ ส่วน จอห์น สโตนส์ ยังต้องลุ้นความฟิต กวาร์ดิโอลาอาจใช้โอกาสนี้มอบประสบการณ์ให้แข้งดาวรุ่ง แต่สายตาทุกคู่ยังจับจ้องไปที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ซึ่งพร้อมไล่ล่าประตูที่ 50 ของเขาในแชมเปียนส์ลีก

นาโปลี (ระบบ 4-1-4-1)

• ผู้รักษาประตู: วานยา มิลินโควิช-ซาวิช
• กองหลัง: โจวานนี ดิ ลอเรนโซ, แซม บอยเคมา, อเลสซานโดร บวนโจร์โน, เลโอนาร์โด สปินาซโซลา
• กองกลางตัวรับ: สตานิสลาฟ โลบอตกา
• กองกลาง: มัตเตโอ โปลิตาโน, อังเดร-แฟรงค์ ซัมโบ อองกีสซา, เควิน เดอ บรอยน์, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์
• ศูนย์หน้า: ราสมุส ฮอยลุนด์
• ผู้จัดการทีม: อันโตนิโอ คอนเต้

นาโปลีไม่มีผู้เล่นคนสำคัญอย่าง โรเมลู ลูกากู, อาเมียร์ ราห์มานี, อเล็กซ์ เมเร็ต และ นิกิตา คอนตินี แต่ยังมีจุดแข็งในแดนกลางที่มีทั้ง เดอ บรอยน์, อองกีสซา และแม็คโทมิเนย์ ขณะที่แดนหน้าคอนเต้คาดว่าจะเลือก ฮอยลุนด์ เป็นตัวจริงแทนการหมุนเวียน

บทสรุปก่อนเกม

ศึกระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และนาโปลีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปิดฉากแชมเปียนส์ลีก แต่ยังเป็นเวทีแห่งอารมณ์ เมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ กลับมาในฐานะคู่แข่ง ขณะที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ พร้อมเป็นกุญแจสำคัญพาแมนเชสเตอร์ ซิตี้เดินหน้าเก็บสามแต้มแรก

คำถามที่น่าติดตามคือ ใครจะเป็นผู้สร้างความแตกต่างในค่ำคืนที่เอติฮัด — ฮาแลนด์กับพลังการถล่มประตู หรือ เดอ บรอยน์กับภารกิจพิสูจน์ตัวเองต่อทีมเก่า? สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ แฟนบอลไม่ควรพลาดแมตช์แห่งศักดิ์ศรีครั้งนี้อย่างเด็ดขาด