Mansion Sports – นาโปลี ภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ ประสบความสำเร็จในการเก็บชัยชนะครั้งแรกในศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกฤดูกาลนี้ หลังเปิดบ้านเอาชนะ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ไปด้วยสกอร์ 2-1 โดยมี ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติเดนมาร์ก เป็นฮีโร่ของการแข่งขัน หลังเหมาคนเดียวสองประตูตัดสินผลลัพธ์ในเกมที่เต็มไปด้วยจังหวะเข้มข้นและดุเดือด

สปอร์ติ้งครองเกมช่วงต้นการแข่งขัน

เกมเปิดฉากด้วยการครอบครองบอลของสปอร์ติ้งที่พยายามกดดันเจ้าถิ่น นาโปลีใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะปรับจังหวะการเล่นได้ โอกาสแรกของทีมเยือนมาจากการเจาะริมเส้นจนได้ลูกเตะมุม ก่อนที่บอลจะเด้งมาถึง เควิน เดอ บรอยน์ นอกเขตโทษ แต่ลูกยิงยังข้ามคานออกไปไกล อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป นาโปลีเริ่มปรับตัวและคุมเกมแดนกลางได้มากขึ้น แม้จะเกิดเหตุการณ์ปะทะรุนแรงระหว่าง เดอ บรอยน์ และ อีวาน เฟรสนาดา แต่ทั้งสองยังสามารถกลับมาลงเล่นต่อได้

ฮอยลุนด์ยิงประตูแรกพานาโปลีออกนำ

ในนาทีที่ 30 ของการแข่งขัน สปอร์ติ้งพยายามบุกกดดัน แต่กลับกลายเป็นนาโปลีที่ฉวยโอกาสได้สำเร็จ เมื่อ เดอ บรอยน์ จ่ายบอลทะลุช่องให้ ฮอยลุนด์ หลุดเดี่ยวก่อนยิงผ่านมือผู้รักษาประตูรุย ซิลวา เข้าไปเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 หลังประตูดังกล่าว นาโปลีได้ความมั่นใจเพิ่มขึ้น และมีโอกาสบวกสกอร์เพิ่ม แต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้

สปอร์ติ้งตีเสมอจากจุดโทษ

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาโปลีเล่นอย่างดุดันมากขึ้นและมีโอกาสยิงหลายครั้ง แม้ส่วนใหญ่เป็นการส่องไกลที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ทว่าเกมเปลี่ยนเมื่อ มาเตโอ โปลิตาโน ถูกตัดสินว่าทำฟาวล์ในเขตโทษ ส่งผลให้ สปอร์ติ้งได้จุดโทษ และ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองไม่พลาดในการสังหาร ทำให้เกมกลับมาเสมอกัน 1-1 หลังประตูดังกล่าว นาโปลีเสียจังหวะไป ขณะที่สปอร์ติ้งเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น

ฮอยลุนด์ปิดเกมด้วยลูกโหม่งเด็ดขาด

การแก้เกมของคอนเต้ด้วยการส่ง โนอา ลัง และ ดาวิด เนเรส ลงสนามเพิ่มความหลากหลายให้กับเกมรุก และความพยายามดังกล่าวได้ผลในช่วงท้ายเกม นาทีที่ 80 เดอ บรอยน์ เปิดลูกเตะมุมอย่างแม่นยำ และ ฮอยลุนด์ ขึ้นโหม่งเต็มแรงส่งบอลตุงตาข่าย กลายเป็นประตูชัย 2-1 ให้กับนาโปลี สปอร์ติ้งพยายามเปิดเกมบุกอย่างหนักในช่วงท้าย แต่แนวรับของนาโปลีเล่นได้อย่างเหนียวแน่นจนรักษาสกอร์นำไว้ได้

ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงมอบสามคะแนนสำคัญ แต่ยังสร้างความมั่นใจให้กับนาโปลีในการเดินหน้าลุยต่อในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดยเฉพาะการมีฮอยลุนด์เป็นกำลังหลักในแนวรุกที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถตัดสินเกมใหญ่ได้