ผลการแข่งขัน เรอัล มาดริด พบ ยูเวนตุส: จู๊ด เบลลิงแฮม ซัดประตูชัยพาราชันชุดขาวคว้าชัยเหนือม้าลาย

ผลการแข่งขัน เรอัล มาดริด พบ ยูเวนตุส: จู๊ด เบลลิงแฮม ซัดประตูชัยพาราชันชุดขาวคว้าชัยเหนือม้าลาย

Mansion Sportsสโมสร เรอัล มาดริด (Real Madrid CF) ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในเวทียุโรป หลังเปิดสนาม ซานติอาโก เบร์นาเบว เอาชนะ ยูเวนตุส เอฟซี (Juventus FC) ไปด้วยสกอร์เฉือน 1-0 ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สามของศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/2026

ประตูชัยของ “ราชันชุดขาว” มาจากผลงานของ จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) ในนาทีที่ 57 ซึ่งช่วยให้ทีมของกุนซือ ชาบี อลอนโซ่ (Xabi Alonso) รักษาสถิติชนะรวดสามนัดติดต่อกันในรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ

เรอัล มาดริด ครองเกมเหนือกว่า ยูเวนตุส รับแน่นในครึ่งแรก

เกมเปิดฉากด้วยจังหวะที่รวดเร็วและเต็มไปด้วยแรงกดดันจากทั้งสองฝ่าย โดยยูเวนตุสสร้างโอกาสก่อนในช่วงต้นเกม นาทีที่ 10 เวสตัน แมคเคนนี (Weston McKennie) ได้โอกาสซัดจากนอกเขตโทษ แต่ถูก ติโบต์ กูร์กตัวส์ (Thibaut Courtois) เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

ไม่กี่นาทีต่อมา เฟเดริโก แกตติ (Federico Gatti) ลองส่องไกลอีกครั้ง แต่กูร์กตัวส์ยังตอบสนองได้เร็ว ป้องกันไว้ได้อย่างมั่นใจ

หลังจากนั้น เรอัล มาดริดเริ่มตั้งเกมและควบคุมจังหวะได้ โดยมี อาร์ดา กูเลอร์ (Arda Güler) และ วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinícius Júnior) เป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกทางริมเส้น กูเลอร์เกือบทำแอสซิสต์ได้จากลูกเตะมุมที่เปิดให้ โอเรเลียง ชูอาเมนี (Aurélien Tchouaméni) โขกเต็มหัว แต่บอลยังไปตรงตัว มิเคเล ดิ เกรโกริโอ (Michele Di Gregorio) นายทวารของยูเวนตุส

ยูเวนตุสเลือกตั้งรับอย่างรัดกุมและอาศัยการสวนกลับเร็วเป็นหลัก ทว่าหลังนาทีที่ 25 ความกดดันจากเจ้าบ้านเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การผสานงานระหว่าง เฟเดริโก บัลเบร์เด้ (Federico Valverde), บราฮิม ดิอาซ (Brahim Díaz) และเบลลิงแฮมสร้างความปั่นป่วนอย่างมากในแนวรับของทีมเยือน

ในนาทีที่ 40 วินิซิอุสและกูเลอร์ประสานงานกันอย่างสวยงามก่อนบอลไปถึง คีเลียน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) แต่ลูกยิงระยะใกล้ของเขาถูกดิ เกรโกริโอเซฟได้อย่างเหลือเชื่อ

ก่อนหมดครึ่งแรก เอแดร์ มิลิเตา (Éder Militão) มีโอกาสซัดจากระยะไกลหลังรับบอลจากเอ็มบัปเป้ แต่บอลเฉียดคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ยูเวนตุสต้านทานจนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 โดยเรอัล มาดริดมีโอกาสยิงถึง 14 ครั้ง เทียบกับยูเวนตุสที่มีเพียง 4 ครั้ง

เบลลิงแฮม ปลุกเสียงเฮในครึ่งหลัง

ครึ่งหลังเริ่มต้นด้วยจังหวะหวาดเสียวจากฝั่งยูเวนตุส เมื่อ โฆเซ อังเคล การ์เรราส (José Ángel Carreras) และ ดูซาน วลาโฮวิช (Dušan Vlahović) มีโอกาสทอง แต่กูร์กตัวส์ยังคงโชว์ฟอร์มระดับโลก ช่วยป้องกันไม่ให้ทีมเสียประตู

หลังผ่านช่วงอันตรายนั้น เรอัล มาดริดกลับมาครองบอลได้อีกครั้ง กูเลอร์เล่นได้อย่างโดดเด่นทางกราบขวาและสร้างโอกาสอย่างต่อเนื่อง จนในนาทีที่ 57 เกมรุกของเจ้าบ้านก็ประสบผลสำเร็จ — วินิซิอุสลากหลบผู้เล่นยูเวนตุสสองคนก่อนยิงด้วยขวาบอลไปชนเสา และบอลเด้งกลับมาเข้าทาง เบลลิงแฮม ที่ซัดซ้ำเข้าไปไม่พลาด พาเรอัล มาดริดออกนำ 1-0 ท่ามกลางเสียงเฮสนั่นจากแฟนบอลในสนาม

หลังได้ประตูขึ้นนำ “ราชันชุดขาว” เล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น เกมรุกของพวกเขาไหลลื่นและเปี่ยมด้วยความแม่นยำ เอ็มบัปเป้เกือบจะบวกประตูที่สองให้ทีมหลังรับบอลจาก เคลาดิโอ เอเชเวร์รี มาสตันตูโอโน (Claudio Echeverri Mastantuono) แต่ดิ เกรโกริโอยังป้องกันไว้ได้อีกครั้ง

ฝั่งยูเวนตุส พยายามปรับแท็กติกด้วยการเปลี่ยนผู้เล่นแนวรุกหลายราย มาร์คุส ตูราม (Marcus Thuram) ถูกแทนที่ด้วย ฟรานซิสโก คอนเซเซา (Francisco Conceição), วลาโฮวิช ถูกถอดออกให้ โจนาธาน เดวิด (Jonathan David) ลงเล่นแทน ส่วน เคนัน ยิลดิซ (Kenan Yıldız) ถูกแทนที่ด้วย ลัวส์ โอเปนดา (Loïs Openda) อย่างไรก็ตาม การครองเกมของเรอัลยังเหนือกว่าชัดเจน

ช่วงท้ายเกม ดิ เกรโกริโอ ยังคงเป็นฮีโร่ของยูเวนตุส หลังป้องกันลูกยิงของเอ็มบัปเป้และบัลเบร์เด้ได้อย่างเหลือเชื่อ ขณะที่แนวรับของเรอัลยังคงเหนียวแน่นรักษาคลีนชีตได้จนจบเกม

ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ยูเวนตุสมีโอกาสสุดท้ายจากการยิงของ ฟิลิป คอสติช (Filip Kostić) แต่กูร์กตัวส์ยังคงแสดงความยอดเยี่ยมด้วยการเซฟปิดท้าย ทำให้เรอัล มาดริดคว้าชัยสำคัญในบ้านได้อีกนัด

เรอัล มาดริด รักษาสถิติชนะรวดในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

ชัยชนะครั้งนี้ช่วยให้ เรอัล มาดริด ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่มอย่างมั่นคง ด้วยการเก็บ 9 คะแนนเต็มจากสามนัด และแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 15 ในประวัติศาสตร์สโมสร

ขณะเดียวกัน ยูเวนตุส ซึ่งยังไม่ชนะใครจากสามนัดแรก มีเพียง 2 คะแนน ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากในการแย่งพื้นที่เข้ารอบน็อกเอาต์

สถิติการแข่งขัน เรอัล มาดริด พบ ยูเวนตุส

สถิติ

เรอัล มาดริด

ยูเวนตุส

จำนวนการยิงทั้งหมด

26

11

ยิงตรงกรอบ

9

6

การครองบอล

66%

34%

จำนวนการจ่ายบอล

564

227

ความแม่นยำในการจ่าย

94%

90%

ทำฟาวล์

10

17

ใบเหลือง

1

0

ใบแดง

0

0

ล้ำหน้า

1

2

ลูกเตะมุม

13

7

บทสรุป

ชัยชนะเหนือยูเวนตุสครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันว่า เรอัล มาดริด ยังคงเป็น “ราชันแห่งยุโรป” อย่างแท้จริง การประสานงานในแดนกลางที่ลงตัว การป้องกันที่แน่นหนา และฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ จู๊ด เบลลิงแฮม คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมเดินหน้าสู่เป้าหมายในการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 15 ได้อย่างมั่นคงและสง่างาม.

Related News

ผลการแข่งขัน เรอัล มาดริด พบ ยูเวนตุส: จู๊ด เบลลิงแฮม ซัดประตูชัยพาราชันชุดขาวคว้าชัยเหนือม้าลาย

ผลการแข่งขัน เรอัล มาดริด พบ ยูเวนตุส: จู๊ด เบลลิงแฮม ซัดประตูชัยพาราชันชุดขาวคว้าชัยเหนือม้าลาย

Mansion Sportsสโมสร เรอัล มาดริด (Real Madrid CF) ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในเวทียุโรป หลังเปิดสนาม ซานติอาโก เบร์นาเบว เอาชนะ ยูเวนตุส เอฟซี (Juventus FC) ไปด้วยสกอร์เฉือน 1-0 ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สามของศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/2026

ประตูชัยของ “ราชันชุดขาว” มาจากผลงานของ จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) ในนาทีที่ 57 ซึ่งช่วยให้ทีมของกุนซือ ชาบี อลอนโซ่ (Xabi Alonso) รักษาสถิติชนะรวดสามนัดติดต่อกันในรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ

เรอัล มาดริด ครองเกมเหนือกว่า ยูเวนตุส รับแน่นในครึ่งแรก

เกมเปิดฉากด้วยจังหวะที่รวดเร็วและเต็มไปด้วยแรงกดดันจากทั้งสองฝ่าย โดยยูเวนตุสสร้างโอกาสก่อนในช่วงต้นเกม นาทีที่ 10 เวสตัน แมคเคนนี (Weston McKennie) ได้โอกาสซัดจากนอกเขตโทษ แต่ถูก ติโบต์ กูร์กตัวส์ (Thibaut Courtois) เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

ไม่กี่นาทีต่อมา เฟเดริโก แกตติ (Federico Gatti) ลองส่องไกลอีกครั้ง แต่กูร์กตัวส์ยังตอบสนองได้เร็ว ป้องกันไว้ได้อย่างมั่นใจ

หลังจากนั้น เรอัล มาดริดเริ่มตั้งเกมและควบคุมจังหวะได้ โดยมี อาร์ดา กูเลอร์ (Arda Güler) และ วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinícius Júnior) เป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกทางริมเส้น กูเลอร์เกือบทำแอสซิสต์ได้จากลูกเตะมุมที่เปิดให้ โอเรเลียง ชูอาเมนี (Aurélien Tchouaméni) โขกเต็มหัว แต่บอลยังไปตรงตัว มิเคเล ดิ เกรโกริโอ (Michele Di Gregorio) นายทวารของยูเวนตุส

ยูเวนตุสเลือกตั้งรับอย่างรัดกุมและอาศัยการสวนกลับเร็วเป็นหลัก ทว่าหลังนาทีที่ 25 ความกดดันจากเจ้าบ้านเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การผสานงานระหว่าง เฟเดริโก บัลเบร์เด้ (Federico Valverde), บราฮิม ดิอาซ (Brahim Díaz) และเบลลิงแฮมสร้างความปั่นป่วนอย่างมากในแนวรับของทีมเยือน

ในนาทีที่ 40 วินิซิอุสและกูเลอร์ประสานงานกันอย่างสวยงามก่อนบอลไปถึง คีเลียน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) แต่ลูกยิงระยะใกล้ของเขาถูกดิ เกรโกริโอเซฟได้อย่างเหลือเชื่อ

ก่อนหมดครึ่งแรก เอแดร์ มิลิเตา (Éder Militão) มีโอกาสซัดจากระยะไกลหลังรับบอลจากเอ็มบัปเป้ แต่บอลเฉียดคานออกไปอย่างน่าเสียดาย ยูเวนตุสต้านทานจนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0 โดยเรอัล มาดริดมีโอกาสยิงถึง 14 ครั้ง เทียบกับยูเวนตุสที่มีเพียง 4 ครั้ง

เบลลิงแฮม ปลุกเสียงเฮในครึ่งหลัง

ครึ่งหลังเริ่มต้นด้วยจังหวะหวาดเสียวจากฝั่งยูเวนตุส เมื่อ โฆเซ อังเคล การ์เรราส (José Ángel Carreras) และ ดูซาน วลาโฮวิช (Dušan Vlahović) มีโอกาสทอง แต่กูร์กตัวส์ยังคงโชว์ฟอร์มระดับโลก ช่วยป้องกันไม่ให้ทีมเสียประตู

หลังผ่านช่วงอันตรายนั้น เรอัล มาดริดกลับมาครองบอลได้อีกครั้ง กูเลอร์เล่นได้อย่างโดดเด่นทางกราบขวาและสร้างโอกาสอย่างต่อเนื่อง จนในนาทีที่ 57 เกมรุกของเจ้าบ้านก็ประสบผลสำเร็จ — วินิซิอุสลากหลบผู้เล่นยูเวนตุสสองคนก่อนยิงด้วยขวาบอลไปชนเสา และบอลเด้งกลับมาเข้าทาง เบลลิงแฮม ที่ซัดซ้ำเข้าไปไม่พลาด พาเรอัล มาดริดออกนำ 1-0 ท่ามกลางเสียงเฮสนั่นจากแฟนบอลในสนาม

หลังได้ประตูขึ้นนำ “ราชันชุดขาว” เล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น เกมรุกของพวกเขาไหลลื่นและเปี่ยมด้วยความแม่นยำ เอ็มบัปเป้เกือบจะบวกประตูที่สองให้ทีมหลังรับบอลจาก เคลาดิโอ เอเชเวร์รี มาสตันตูโอโน (Claudio Echeverri Mastantuono) แต่ดิ เกรโกริโอยังป้องกันไว้ได้อีกครั้ง

ฝั่งยูเวนตุส พยายามปรับแท็กติกด้วยการเปลี่ยนผู้เล่นแนวรุกหลายราย มาร์คุส ตูราม (Marcus Thuram) ถูกแทนที่ด้วย ฟรานซิสโก คอนเซเซา (Francisco Conceição), วลาโฮวิช ถูกถอดออกให้ โจนาธาน เดวิด (Jonathan David) ลงเล่นแทน ส่วน เคนัน ยิลดิซ (Kenan Yıldız) ถูกแทนที่ด้วย ลัวส์ โอเปนดา (Loïs Openda) อย่างไรก็ตาม การครองเกมของเรอัลยังเหนือกว่าชัดเจน

ช่วงท้ายเกม ดิ เกรโกริโอ ยังคงเป็นฮีโร่ของยูเวนตุส หลังป้องกันลูกยิงของเอ็มบัปเป้และบัลเบร์เด้ได้อย่างเหลือเชื่อ ขณะที่แนวรับของเรอัลยังคงเหนียวแน่นรักษาคลีนชีตได้จนจบเกม

ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ยูเวนตุสมีโอกาสสุดท้ายจากการยิงของ ฟิลิป คอสติช (Filip Kostić) แต่กูร์กตัวส์ยังคงแสดงความยอดเยี่ยมด้วยการเซฟปิดท้าย ทำให้เรอัล มาดริดคว้าชัยสำคัญในบ้านได้อีกนัด

เรอัล มาดริด รักษาสถิติชนะรวดในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

ชัยชนะครั้งนี้ช่วยให้ เรอัล มาดริด ยังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของกลุ่มอย่างมั่นคง ด้วยการเก็บ 9 คะแนนเต็มจากสามนัด และแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 15 ในประวัติศาสตร์สโมสร

ขณะเดียวกัน ยูเวนตุส ซึ่งยังไม่ชนะใครจากสามนัดแรก มีเพียง 2 คะแนน ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากในการแย่งพื้นที่เข้ารอบน็อกเอาต์

สถิติการแข่งขัน เรอัล มาดริด พบ ยูเวนตุส

สถิติ

เรอัล มาดริด

ยูเวนตุส

จำนวนการยิงทั้งหมด

26

11

ยิงตรงกรอบ

9

6

การครองบอล

66%

34%

จำนวนการจ่ายบอล

564

227

ความแม่นยำในการจ่าย

94%

90%

ทำฟาวล์

10

17

ใบเหลือง

1

0

ใบแดง

0

0

ล้ำหน้า

1

2

ลูกเตะมุม

13

7

บทสรุป

ชัยชนะเหนือยูเวนตุสครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันว่า เรอัล มาดริด ยังคงเป็น “ราชันแห่งยุโรป” อย่างแท้จริง การประสานงานในแดนกลางที่ลงตัว การป้องกันที่แน่นหนา และฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ จู๊ด เบลลิงแฮม คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมเดินหน้าสู่เป้าหมายในการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 15 ได้อย่างมั่นคงและสง่างาม.

Related News