ลิเวอร์พูลพ่ายยับคาแอนฟิลด์ต่อคริสตัล พาเลซ 0-3 ในศึกคาราบาวคัพ 2025/2026
Mansion Sports – สนามแอนฟิลด์กลายเป็นฉากของความผิดหวังเมื่อ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ต่อ คริสตัล พาเลซ ไปอย่างขาดลอย 0-3 ในรอบสี่ของศึกคาราบาวคัพ ฤดูกาล 2025/2026 ประตูของทีมเยือนมาจาก อิสไมลา ซาร์ ในนาทีที่ 41 และ 45 ก่อนที่ เยเรมี พิโน จะปิดท้ายด้วยลูกยิงในนาทีที่ 88 ส่งผลให้ทีมของ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ
ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่ สลอต, ลิเวอร์พูลที่เลือกใช้ผู้เล่นอายุน้อยหลายตำแหน่งไม่สามารถต้านทานประสบการณ์และความเฉียบคมของทีมเยือนได้ พาเลซโชว์ฟอร์มอย่างมีวินัยและมีประสิทธิภาพในจังหวะสวนกลับอย่างเด็ดขาด
เหตุการณ์สำคัญในครึ่งแรก
เกมเริ่มต้นด้วยจังหวะที่รวดเร็ว ลิเวอร์พูลพยายามครองเกมตั้งแต่ต้น โดยใช้การโจมตีจากด้านซ้ายผ่าน ริโอ งูโมฮา และ มิลอช เคอร์เกซ ขณะที่ เฟเดริโก เคียซา เป็นศูนย์กลางของเกมรุก อย่างไรก็ตาม แม้จะครองบอลได้มากกว่า แต่โอกาสของเจ้าบ้านยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้
ฝั่งพาเลซเริ่มตั้งเกมได้หลังผ่านสิบนาทีแรก ไดอิชิ คามาดะ รับหน้าที่ควบคุมจังหวะในแดนกลาง ขณะที่ ซาร์ และ พิโน ใช้ความเร็วสร้างความกดดันจากริมเส้น โอกาสแรกของทีมเยือนมาจากลูกวอลเลย์ของ วิล ฮิวจ์ส ที่รับบอลจากพิโน แต่ยังถูก เฟรดดี วูดแมน ปัดออกไปได้
ลิเวอร์พูลมีจังหวะทองจากการยิงของเคียซาในกรอบเขตโทษ แต่ วอลเตอร์ เบนิเตซ เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเกมของเจ้าบ้านเริ่มชะงักลง ขณะที่พาเลซค่อย ๆ เข้าควบคุมสถานการณ์และเริ่มครองบอลได้มากขึ้น
นาทีที่ 41 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม คามาดะ ส่งบอลทะลุช่องซึ่งแนวรับของลิเวอร์พูลอย่าง โจ โกเมซ และ มูญอซ พลาดในการสกัด บอลตกไปถึงซาร์ที่ซัดเสียบมุมขวาล่างให้พาเลซขึ้นนำ 1-0
เพียงสี่นาทีต่อมา ทีมเยือนขยายสกอร์จากการประสานงานระหว่างคามาดะ, พิโน และซาร์ ก่อนที่ปีกชาวเซเนกัลจะยิงผ่านมือวูดแมนอีกครั้ง ส่งผลให้พาเลซนำห่าง 2-0 ลิเวอร์พูลพยายามตอบโต้แต่ไม่สามารถสร้างโอกาสจบสกอร์ได้มากนัก ครึ่งแรกจบลงท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายด้วยสกอร์ 0-2
ครึ่งหลังและความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ของลิเวอร์พูล
หลังพักครึ่ง ลิเวอร์พูลพยายามกลับเข้าสู่เกม แต่สถานการณ์กลับยากขึ้นกว่าเดิม อาร์เน่ สลอตปรับแท็กติกโดยส่งผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง อามารา นัลโล, เคด กอร์ดอน, และ เวลลิตี้ ลักกี้ ลงสนามเพื่อเพิ่มพลังในแนวรุก อย่างไรก็ตาม พาเลซยังคงรักษาความแน่นอนและเฉียบคมในจังหวะสวนกลับ
ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตตา ที่ถูกส่งลงมาแทน เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์ สร้างแรงกดดันในแนวรุกอย่างต่อเนื่อง เขาทำให้แนวรับลิเวอร์พูลโดยเฉพาะโกเมซและโรเบิร์ตสันต้องทำงานหนัก ขณะที่ซาร์และพิโนยังคงเป็นภัยคุกคามจากริมเส้นทั้งสองฝั่ง
ในนาทีที่ 60 ซาร์เกือบทำแฮตทริกได้หลังรับบอลจากพิโนและยิงไกล แต่ยังไม่ผ่านมือวูดแมน ด้านลิเวอร์พูลเองพยายามบุกผ่านงูโมฮาและเคียซา แต่แนวรับของพาเลซยังคงแข็งแกร่งและอ่านจังหวะได้ดี
นาทีที่ 79 สถานการณ์ของเจ้าบ้านยิ่งเลวร้ายลง อามารา นัลโล ทำฟาวล์ใส่ จัสติน เดเวนนี ในจังหวะหนึ่งต่อหนึ่ง ผู้ตัดสินไม่ลังเลที่จะชูใบแดงโดยตรง ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเหลือผู้เล่นเพียงสิบคนในสนาม
พาเลซใช้ประโยชน์จากจำนวนผู้เล่นที่มากกว่าในการควบคุมเกมและรอเวลาจบสกอร์ และในนาทีที่ 88 ความพยายามของพวกเขาก็เป็นผล เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา ตัดบอลได้ในแดนกลาง ก่อนจ่ายต่อให้พิโนที่หลุดเข้าเขตโทษ และปีกชาวสเปนซัดเรียดเสียบเสาเข้าไปอย่างเฉียบคม ทำให้ทีมเยือนนำ 3-0
แม้ เคด กอร์ดอน จะมีโอกาสโหม่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ลูกบอลก็ลอยข้ามคานไป สิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย คริสตัล พาเลซ เป็นฝ่ายคว้าชัยไปอย่างเด็ดขาด 3-0 พร้อมผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศของศึกคาราบาวคัพ ขณะที่ลิเวอร์พูลต้องเผชิญกับฟอร์มตกอย่างต่อเนื่องในเกมระดับประเทศ
สถิติการแข่งขัน ลิเวอร์พูล พบ คริสตัล พาเลซ