สรุปผลการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก: สัปดาห์แห่งความดุเดือดและการพลิกล็อกในยุโรป

สรุปผลการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก: สัปดาห์แห่งความดุเดือดและการพลิกล็อกในยุโรป

Mansion Sportsการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มของศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/2026 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงเข้มข้น โดยหลายทีมยักษ์ใหญ่แสดงศักยภาพเหนือชั้น ขณะเดียวกันก็มีหลายแมตช์ที่สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก

จากชัยชนะขาดลอยของเชลซีเหนืออาแจ็กซ์ ไปจนถึงการคัมแบ็กสุดดราม่าของสปอร์ติ้ง ลิสบอน บรรยากาศของค่ำคืนแห่งฟุตบอลยุโรปครั้งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า เหตุใดแชมเปียนส์ลีกจึงถูกยกให้เป็นเวทีที่ทรงเกียรติที่สุดของระดับสโมสร

ในกรุงลอนดอน เชลซี ระเบิดฟอร์มเกรี้ยวกราดด้วยการถล่ม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 5-1 ภายใต้การคุมทีมของเฮดโค้ชคนใหม่ ส่วน ลิเวอร์พูล สามารถหยุดสถิติแพ้รวดด้วยการบุกคว้าชัยเหนือ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต อย่างงดงาม

ขณะเดียวกันที่เยอรมนี บาเยิร์น มิวนิค ยังคงรักษามาตรฐานระดับแชมป์ด้วยชัยชนะเหนือ คลับ บรูช และที่อิตาลี เรอัล มาดริด ยังคงเดินหน้าคว้าชัยแบบไม่พลาดแม้แต่นัดเดียว หลังได้ประตูชัยจาก จู๊ด เบลลิงแฮม ในเกมพบ ยูเวนตุส

ด้าน ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และ โมนาโก ต้องแบ่งแต้มแบบไร้สกอร์ ขณะที่ อตาลันต้า พบ สลาเวีย ปราก จบลงด้วยผลเสมอเช่นกัน

ค่ำคืนในกรุงลิสบอนปิดฉากด้วยความยิ่งใหญ่ เมื่อ สปอร์ติ้ง ลิสบอน พลิกชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย ด้วยสองประตูจากตัวสำรอง

แม้การแข่งขันจะผ่านไปเพียงครึ่งทางของรอบแบ่งกลุ่ม แต่กลิ่นอายของความตื่นเต้นและแรงกดดันจากการชิงตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์เริ่มปรากฏชัดเจน

สรุปผลการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

1. แอธเลติก บิลเบา 3-1 การาบัก

กอร์ก้า กูรูเซตา ทำคนเดียวสองประตูช่วยให้แอธเลติก บิลเบาเก็บสามแต้มแรกได้สำเร็จ หลังจากถูกการาบักยิงนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่วินาทีที่ 49 โดย เลอันโดร อันเดรด

ทีมเจ้าบ้านค่อย ๆ ตั้งเกมได้และตีเสมอจากการยิงเต็มแรงของกูรูเซตาในนาทีที่ 40 จากนั้น โรแบร์โต นาบาร์โร ลงมาเป็นตัวสำรองและซัดประตูสุดสวยช่วยให้ทีมพลิกแซง ก่อนที่กูรูเซตาจะบวกเพิ่มอีกหนึ่งประตูในช่วงท้ายเกม ปิดจ็อบด้วยชัยชนะ 3-1

2. กาลาตาซาราย 3-1 โบโด/กลิมท์

วิกเตอร์ โอซิมเฮน สวมบทฮีโร่ของกาลาตาซาราย ด้วยการยิงสองประตูและสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับทีมเยือนตลอดเกม

กองหน้าชาวไนจีเรียใช้เวลาเพียงสามนาทีในการเปิดสกอร์ หลังจากรับบอลจาก มาริโอ เลมีนา ก่อนจะยิงลูกที่สองจากความผิดพลาดของกองหลังโบโด/กลิมท์ในนาทีที่ 30

ครึ่งหลัง ยูนุส อักกุน ซัดเพิ่มอีกหนึ่งประตู หลังผู้รักษาประตู นิกิตา ไฮกิน รับบอลพลาด ส่วนทีมเยือนตีไข่แตกจากลูกโหม่งของ อันเดรียส เฮล์เมอร์เซน แต่ไม่อาจทำอะไรมากกว่านั้น

3. อาแอส โมนาโก 0-0 ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

เกมนี้เต็มไปด้วยการเซฟสุดยอดจาก กูลลิแอลโม วิการิโอ นายทวารของสเปอร์ส ซึ่งปฏิเสธโอกาสทองของ โฟลาริน บาโลกัน สองครั้งในครึ่งแรก และยังเซฟลูกโหม่งของ จอร์แดน เตเซอ หลังพักครึ่งได้อย่างน่าทึ่ง

แม้โมนาโกจะครองเกมมากกว่า แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับได้สำเร็จ ขณะที่ ทาคุมิ มินามิโนะ มีจังหวะยิงวอลเลย์หลุดข้ามคานไปนิดเดียว ทำให้เกมจบลงด้วยผลเสมอไร้ประตู

4. อตาลันต้า 0-0 สลาเวีย ปราก

แมตช์นี้ผู้รักษาประตู ยาโคบ มาร์โควิช ของสลาเวีย ปราก โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบ เซฟลูกยิงสำคัญหลายครั้งจากแนวรุกอตาลันต้า ทั้งของ โอดิลอน คอสซูนู, นิโกล่า เคิร์สโตวิช, และ ชาร์ล เดอ เคเตลาเร่

ครึ่งหลัง ลูกัช โปรวอด ได้โอกาสยิงฟรีคิกเฉียดเสา แต่อตาลันต้ายังเกือบคว้าชัยในช่วงท้ายเมื่อ จานลูก้า สคามัคกา โขกบอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

5. เชลซี 5-1 อาแจ็กซ์

ศึกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เต็มไปด้วยดราม่า ทั้งใบแดงและสามจุดโทษ เคนเน็ธ เทย์เลอร์ ถูกไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 15 ก่อนที่ มาร์ก กีอู จะยิงประตูแรกจากฟรีคิกนั้นทันที

โมอิเซส ไกเซโด้ บวกเพิ่มอีกลูก ก่อนที่ วูต เว็กฮอร์สต์ จะยิงจุดโทษตีไข่แตกให้ทีมเยือน อย่างไรก็ตาม เอ็นโซ แฟร์นานเดซ และ เอสเตวาโอ วิลเลียน ยิงคนละจุดโทษให้เชลซีทิ้งห่างเป็น 4-1 และ ไทริก จอร์จ ตัวสำรองปิดท้ายสกอร์ 5-1 อย่างเด็ดขาด

6. ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 1-5 ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูลคืนฟอร์มหลังแพ้สี่นัดรวด โดยถูกนำก่อนจาก ราสมุส คริสเตนเซน แต่ ฮูโก เอกิติเก้ ยิงตีเสมอ ก่อนที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ อิบราฮิมา โกนาเต้ จะโหม่งประตูจากลูกเตะมุมช่วยให้ทีมแซงนำ

ครึ่งหลัง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ทำสองแอสซิสต์ให้กับ โคดี กัคโป และ โดมินิค โซบอสไล ยิงคนละลูก ปิดเกมด้วยชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ 5-1

7. บาเยิร์น มิวนิค 4-0 คลับ บรูช

เลนนาร์ท คาร์ล กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้บาเยิร์นในรายการนี้ ด้วยลูกยิงโค้งสุดสวยก่อนที่ แฮร์รี่ เคน จะยิงเพิ่มเป็น 2-0
หลุยส์ ดิอาซ ซัดลูกที่สามอย่างเฉียบขาด และ นิโกลาส แจ็คสัน ปิดท้ายชัยชนะ 4-0 ส่งให้บาเยิร์นเก็บชัยสามนัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม

8. เรอัล มาดริด 1-0 ยูเวนตุส

ประตูเดียวจาก จู๊ด เบลลิงแฮม ช่วยให้เรอัล มาดริดเก็บชัยต่อเนื่องและรั้งจ่าฝูงของกลุ่มได้อย่างมั่นคง

ยูเวนตุสมีโอกาสขึ้นนำก่อนจากลูกยิงของ เวสตัน แม็คเคนนี และ เฟเดริโก แกตติ ที่ถูก ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ป้องกันไว้ได้ทั้งหมด ขณะที่ มิเคเล ดิ เกรโกริโอ ผู้รักษาประตูของยูเว่ ก็โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม แต่ไม่สามารถหยุดลูกซ้ำของเบลลิงแฮมในครึ่งหลังได้

9. สปอร์ติ้ง ลิสบอน 2-1 โอลิมปิก มาร์กเซย

แมตช์สุดดราม่าที่ลิสบอนจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน หลังจาก อิกอร์ ไพซาโอ ยิงให้มาร์กเซยนำก่อน แต่ใบแดงของ เอเมอร์สัน ทำให้เกมเปลี่ยนฝั่ง

ตัวสำรอง เจนี คาตาโม ยิงตีเสมอ ก่อนที่ อาลิสซง ซานโตส จะยิงประตูชัยในนาทีที่ 86 จากจังหวะบอลแฉลบกองหลังเข้าสู่ตาข่าย

ผลการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2025/2026 นัดที่ 3

วันที่แข่งขัน

คู่แข่งขัน

ผลการแข่งขัน

20 ตุลาคม 2025

บาร์เซโลนา vs โอลิมเปียกอส

6-1


ไครัต อัลมาตี vs พาฟอส

0-0

21 ตุลาคม 2025

อาร์เซนอล vs แอตเลติโก มาดริด

4-0


ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน vs ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

2-7


เอฟซี โคเปนเฮเกน vs โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

2-4


นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด vs เบนฟิกา

3-0


พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน vs นาโปลี

6-2


ยูเนี่ยน แซงต์-จิลลัวส์ vs อินเตอร์ มิลาน

0-4


บียาร์เรอัล vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้

0-2


แอธเลติก บิลเบา vs การาบัก

3-1


กาลาตาซาราย vs โบโด/กลิมท์

3-1

22 ตุลาคม 2025

อตาลันต้า vs สลาเวีย ปราก

0-0


บาเยิร์น มิวนิค vs คลับ บรูช

4-0


เชลซี vs อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

5-1


ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต vs ลิเวอร์พูล

1-5


อาแอส โมนาโก vs ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

0-0


เรอัล มาดริด vs ยูเวนตุส

1-0


สปอร์ติ้ง ลิสบอน vs มาร์กเซย

2-1


Related News

สรุปผลการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก: สัปดาห์แห่งความดุเดือดและการพลิกล็อกในยุโรป

สรุปผลการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก: สัปดาห์แห่งความดุเดือดและการพลิกล็อกในยุโรป

Mansion Sportsการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มของศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/2026 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงเข้มข้น โดยหลายทีมยักษ์ใหญ่แสดงศักยภาพเหนือชั้น ขณะเดียวกันก็มีหลายแมตช์ที่สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก

จากชัยชนะขาดลอยของเชลซีเหนืออาแจ็กซ์ ไปจนถึงการคัมแบ็กสุดดราม่าของสปอร์ติ้ง ลิสบอน บรรยากาศของค่ำคืนแห่งฟุตบอลยุโรปครั้งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า เหตุใดแชมเปียนส์ลีกจึงถูกยกให้เป็นเวทีที่ทรงเกียรติที่สุดของระดับสโมสร

ในกรุงลอนดอน เชลซี ระเบิดฟอร์มเกรี้ยวกราดด้วยการถล่ม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 5-1 ภายใต้การคุมทีมของเฮดโค้ชคนใหม่ ส่วน ลิเวอร์พูล สามารถหยุดสถิติแพ้รวดด้วยการบุกคว้าชัยเหนือ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต อย่างงดงาม

ขณะเดียวกันที่เยอรมนี บาเยิร์น มิวนิค ยังคงรักษามาตรฐานระดับแชมป์ด้วยชัยชนะเหนือ คลับ บรูช และที่อิตาลี เรอัล มาดริด ยังคงเดินหน้าคว้าชัยแบบไม่พลาดแม้แต่นัดเดียว หลังได้ประตูชัยจาก จู๊ด เบลลิงแฮม ในเกมพบ ยูเวนตุส

ด้าน ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และ โมนาโก ต้องแบ่งแต้มแบบไร้สกอร์ ขณะที่ อตาลันต้า พบ สลาเวีย ปราก จบลงด้วยผลเสมอเช่นกัน

ค่ำคืนในกรุงลิสบอนปิดฉากด้วยความยิ่งใหญ่ เมื่อ สปอร์ติ้ง ลิสบอน พลิกชนะ โอลิมปิก มาร์กเซย ด้วยสองประตูจากตัวสำรอง

แม้การแข่งขันจะผ่านไปเพียงครึ่งทางของรอบแบ่งกลุ่ม แต่กลิ่นอายของความตื่นเต้นและแรงกดดันจากการชิงตั๋วเข้าสู่รอบน็อกเอาต์เริ่มปรากฏชัดเจน

สรุปผลการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

1. แอธเลติก บิลเบา 3-1 การาบัก

กอร์ก้า กูรูเซตา ทำคนเดียวสองประตูช่วยให้แอธเลติก บิลเบาเก็บสามแต้มแรกได้สำเร็จ หลังจากถูกการาบักยิงนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่วินาทีที่ 49 โดย เลอันโดร อันเดรด

ทีมเจ้าบ้านค่อย ๆ ตั้งเกมได้และตีเสมอจากการยิงเต็มแรงของกูรูเซตาในนาทีที่ 40 จากนั้น โรแบร์โต นาบาร์โร ลงมาเป็นตัวสำรองและซัดประตูสุดสวยช่วยให้ทีมพลิกแซง ก่อนที่กูรูเซตาจะบวกเพิ่มอีกหนึ่งประตูในช่วงท้ายเกม ปิดจ็อบด้วยชัยชนะ 3-1

2. กาลาตาซาราย 3-1 โบโด/กลิมท์

วิกเตอร์ โอซิมเฮน สวมบทฮีโร่ของกาลาตาซาราย ด้วยการยิงสองประตูและสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับทีมเยือนตลอดเกม

กองหน้าชาวไนจีเรียใช้เวลาเพียงสามนาทีในการเปิดสกอร์ หลังจากรับบอลจาก มาริโอ เลมีนา ก่อนจะยิงลูกที่สองจากความผิดพลาดของกองหลังโบโด/กลิมท์ในนาทีที่ 30

ครึ่งหลัง ยูนุส อักกุน ซัดเพิ่มอีกหนึ่งประตู หลังผู้รักษาประตู นิกิตา ไฮกิน รับบอลพลาด ส่วนทีมเยือนตีไข่แตกจากลูกโหม่งของ อันเดรียส เฮล์เมอร์เซน แต่ไม่อาจทำอะไรมากกว่านั้น

3. อาแอส โมนาโก 0-0 ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

เกมนี้เต็มไปด้วยการเซฟสุดยอดจาก กูลลิแอลโม วิการิโอ นายทวารของสเปอร์ส ซึ่งปฏิเสธโอกาสทองของ โฟลาริน บาโลกัน สองครั้งในครึ่งแรก และยังเซฟลูกโหม่งของ จอร์แดน เตเซอ หลังพักครึ่งได้อย่างน่าทึ่ง

แม้โมนาโกจะครองเกมมากกว่า แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับได้สำเร็จ ขณะที่ ทาคุมิ มินามิโนะ มีจังหวะยิงวอลเลย์หลุดข้ามคานไปนิดเดียว ทำให้เกมจบลงด้วยผลเสมอไร้ประตู

4. อตาลันต้า 0-0 สลาเวีย ปราก

แมตช์นี้ผู้รักษาประตู ยาโคบ มาร์โควิช ของสลาเวีย ปราก โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบ เซฟลูกยิงสำคัญหลายครั้งจากแนวรุกอตาลันต้า ทั้งของ โอดิลอน คอสซูนู, นิโกล่า เคิร์สโตวิช, และ ชาร์ล เดอ เคเตลาเร่

ครึ่งหลัง ลูกัช โปรวอด ได้โอกาสยิงฟรีคิกเฉียดเสา แต่อตาลันต้ายังเกือบคว้าชัยในช่วงท้ายเมื่อ จานลูก้า สคามัคกา โขกบอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

5. เชลซี 5-1 อาแจ็กซ์

ศึกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เต็มไปด้วยดราม่า ทั้งใบแดงและสามจุดโทษ เคนเน็ธ เทย์เลอร์ ถูกไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 15 ก่อนที่ มาร์ก กีอู จะยิงประตูแรกจากฟรีคิกนั้นทันที

โมอิเซส ไกเซโด้ บวกเพิ่มอีกลูก ก่อนที่ วูต เว็กฮอร์สต์ จะยิงจุดโทษตีไข่แตกให้ทีมเยือน อย่างไรก็ตาม เอ็นโซ แฟร์นานเดซ และ เอสเตวาโอ วิลเลียน ยิงคนละจุดโทษให้เชลซีทิ้งห่างเป็น 4-1 และ ไทริก จอร์จ ตัวสำรองปิดท้ายสกอร์ 5-1 อย่างเด็ดขาด

6. ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต 1-5 ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูลคืนฟอร์มหลังแพ้สี่นัดรวด โดยถูกนำก่อนจาก ราสมุส คริสเตนเซน แต่ ฮูโก เอกิติเก้ ยิงตีเสมอ ก่อนที่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ อิบราฮิมา โกนาเต้ จะโหม่งประตูจากลูกเตะมุมช่วยให้ทีมแซงนำ

ครึ่งหลัง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ทำสองแอสซิสต์ให้กับ โคดี กัคโป และ โดมินิค โซบอสไล ยิงคนละลูก ปิดเกมด้วยชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ 5-1

7. บาเยิร์น มิวนิค 4-0 คลับ บรูช

เลนนาร์ท คาร์ล กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูให้บาเยิร์นในรายการนี้ ด้วยลูกยิงโค้งสุดสวยก่อนที่ แฮร์รี่ เคน จะยิงเพิ่มเป็น 2-0
หลุยส์ ดิอาซ ซัดลูกที่สามอย่างเฉียบขาด และ นิโกลาส แจ็คสัน ปิดท้ายชัยชนะ 4-0 ส่งให้บาเยิร์นเก็บชัยสามนัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม

8. เรอัล มาดริด 1-0 ยูเวนตุส

ประตูเดียวจาก จู๊ด เบลลิงแฮม ช่วยให้เรอัล มาดริดเก็บชัยต่อเนื่องและรั้งจ่าฝูงของกลุ่มได้อย่างมั่นคง

ยูเวนตุสมีโอกาสขึ้นนำก่อนจากลูกยิงของ เวสตัน แม็คเคนนี และ เฟเดริโก แกตติ ที่ถูก ธิโบต์ กูร์กตัวส์ ป้องกันไว้ได้ทั้งหมด ขณะที่ มิเคเล ดิ เกรโกริโอ ผู้รักษาประตูของยูเว่ ก็โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม แต่ไม่สามารถหยุดลูกซ้ำของเบลลิงแฮมในครึ่งหลังได้

9. สปอร์ติ้ง ลิสบอน 2-1 โอลิมปิก มาร์กเซย

แมตช์สุดดราม่าที่ลิสบอนจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้าน หลังจาก อิกอร์ ไพซาโอ ยิงให้มาร์กเซยนำก่อน แต่ใบแดงของ เอเมอร์สัน ทำให้เกมเปลี่ยนฝั่ง

ตัวสำรอง เจนี คาตาโม ยิงตีเสมอ ก่อนที่ อาลิสซง ซานโตส จะยิงประตูชัยในนาทีที่ 86 จากจังหวะบอลแฉลบกองหลังเข้าสู่ตาข่าย

ผลการแข่งขันยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2025/2026 นัดที่ 3

วันที่แข่งขัน

คู่แข่งขัน

ผลการแข่งขัน

20 ตุลาคม 2025

บาร์เซโลนา vs โอลิมเปียกอส

6-1


ไครัต อัลมาตี vs พาฟอส

0-0

21 ตุลาคม 2025

อาร์เซนอล vs แอตเลติโก มาดริด

4-0


ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน vs ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

2-7


เอฟซี โคเปนเฮเกน vs โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

2-4


นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด vs เบนฟิกา

3-0


พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน vs นาโปลี

6-2


ยูเนี่ยน แซงต์-จิลลัวส์ vs อินเตอร์ มิลาน

0-4


บียาร์เรอัล vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้

0-2


แอธเลติก บิลเบา vs การาบัก

3-1


กาลาตาซาราย vs โบโด/กลิมท์

3-1

22 ตุลาคม 2025

อตาลันต้า vs สลาเวีย ปราก

0-0


บาเยิร์น มิวนิค vs คลับ บรูช

4-0


เชลซี vs อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

5-1


ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต vs ลิเวอร์พูล

1-5


อาแอส โมนาโก vs ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

0-0


เรอัล มาดริด vs ยูเวนตุส

1-0


สปอร์ติ้ง ลิสบอน vs มาร์กเซย

2-1


Related News