แมนเชสเตอร์ซิตี้ถล่มลิเวอร์พูลด้วยสกอร์ขาดลอย 3-0 ที่เอติฮัด สเตเดียม

แมนเชสเตอร์ซิตี้ถล่มลิเวอร์พูลด้วยสกอร์ขาดลอย 3-0 ที่เอติฮัด สเตเดียม

Mansion Sportsแมนเชสเตอร์ซิตี้สร้างความประทับใจด้วยการคว้าชัยเหนือทีมคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูลในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025/2026 สัปดาห์ที่ 11 ที่สนามเอติฮัด สเตเดียม ด้วยสกอร์เด็ดขาด 3-0 การแข่งขันเต็มไปด้วยความเข้มข้น แต่ด้วยคุณภาพการเล่นที่เหนือกว่า “เรือใบสีฟ้า” จึงสามารถเก็บสามคะแนนสำคัญได้อย่างสมบูรณ์

ลิเวอร์พูลเคยได้ประตูจากลูกโหม่งของเฟอร์จิล ฟาน ไดค์ หลังเออร์ลิง ฮาแลนด์พังประตูแรกให้ซิตี้ แต่ลูกดังกล่าวถูก VAR ยกเลิก ก่อนที่ซิตี้จะบวกเพิ่มอีกสองประตูจากผลงานของนิโก้ กอนซาเลซ และเจเรมี โดกู ชัยชนะครั้งนี้ส่งผลให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ขึ้นไปอยู่อันดับสองของตารางพรีเมียร์ลีก มี 22 คะแนนจาก 11 นัด ส่วนลิเวอร์พูลรั้งอันดับแปด เก็บได้เพียง 18 คะแนนจากจำนวนเกมเท่ากัน

รูปเกมในครึ่งแรกของแมนเชสเตอร์ซิตี้พบลิเวอร์พูล

เกมเริ่มต้นด้วยจังหวะรวดเร็วที่เอติฮัด สเตเดียม ลิเวอร์พูลเปิดเกมรุกก่อนในนาทีที่ 8 เมื่อโมฮาเหม็ด ซาลาห์ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของโยสโก้ กวาร์ดิโอล ในการรับบอลยาวจากอิบราฮิมา โกนาเต ซาลาห์หลุดเข้าเขตโทษ แต่รูเบน ดิอาสเข้ามาปิดมุมยิง ทำให้ต้องซัดจากมุมแคบ และดอนนารุมมาสามารถปัดออกได้

ซิตี้ตอบโต้ทันทีผ่านเจเรมี โดกูที่ใช้ความเร็วและความคล่องตัวสร้างความปั่นป่วนทางกราบซ้าย ในนาทีที่ 9 เขาเกือบทำให้แนวรับลิเวอร์พูลผิดพลาด บอลตกไปที่ไรอัน แชร์กีแต่ยิงสองครั้งติดถูกบล็อกโดยกองหลังทีมเยือน

เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในนาทีที่ 11 เมื่อ VAR ตรวจสอบจังหวะที่โดกูล้มจากการปะทะกับผู้รักษาประตูจอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี หลังจากตรวจสอบภาพช้า ผู้ตัดสินตัดสินให้จุดโทษแก่ซิตี้ ฮาแลนด์รับหน้าที่ยิงแต่ถูกมามาร์ดาชวิลีพุ่งปัดไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

ซิตี้ยังคงเดินหน้าโจมตีไม่หยุด ในนาทีที่ 17 โดกูเลี้ยงตัดจากซ้ายจ่ายให้แชร์กียิงแต่ติดบล็อกจากฟาน ไดค์ บอลออกหลังไป ลิเวอร์พูลพยายามสร้างเกมสวนกลับ แต่ซิตี้ยังครองบอลได้มากกว่าและบุกอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุดความพยายามของเจ้าถิ่นก็เป็นผลในนาทีที่ 29 นูเนซเปิดบอลแม่นจากด้านขวาให้ฮาแลนด์โหม่งเต็มแรงเข้าประตู ทำให้ซิตี้นำ 1-0 นับเป็นการแก้ตัวที่สมบูรณ์หลังพลาดจุดโทษก่อนหน้า และยังเป็นประตูที่ 99 ของฮาแลนด์ในพรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูลเคยตีเสมอได้จากลูกโหม่งของฟาน ไดค์ในนาทีที่ 39 แต่ VAR ยกเลิกเนื่องจากแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ก่อนหมดครึ่งแรกในนาทีที่ 45+3 ซิตี้หนีห่างเป็น 2-0 เมื่อกอนซาเลซยิงไกลบอลแฉลบฟาน ไดค์เปลี่ยนทางเข้าประตู ทำให้มามาร์ดาชวิลีหมดสิทธิ์รับ บอลจบครึ่งแรกด้วยความได้เปรียบของเจ้าบ้าน

รูปเกมในครึ่งหลังของแมนเชสเตอร์ซิตี้พบลิเวอร์พูล

เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมเพื่อทวงประตูคืน แต่ซิตี้ยังคงเล่นอย่างมีวินัยและเป็นระบบ โดกูยังคงสร้างปัญหาให้แนวรับทีมเยือน ในนาทีที่ 55 เขาฝ่าผู้เล่นลิเวอร์พูลสองคนก่อนยิงเต็มแรง แต่มามาร์ดาชวิลีปัดได้ทัน

ถัดมาเพียงสามนาที ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูจากความผิดพลาดของแนวรับซิตี้ วิร์ตซ์จ่ายบอลให้แบรดลีย์เปิดเข้ากลาง แต่การสกัดของนิโก้เกือบทำให้บอลเข้าประตูตัวเอง ดอนนารุมมามองตามบอลที่ลอยเฉียดคานออกไปอย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 59 ลิเวอร์พูลมีโอกาสทองอีกครั้งจากการทำชิ่งของซาลาห์และแบรดลีย์ บอลสุดท้ายเข้าทางกัคโปที่เสาสองแต่ยิงหลุดกรอบเพียงนิดเดียว จังหวะนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม เพราะซิตี้สวนกลับได้อย่างเฉียบคมและนำไปสู่ประตูที่สาม

ในนาทีที่ 63 โดกูได้รับบอลจากโอ’ไรลีย์และนิโก้ ก่อนลากตัดจากกราบซ้ายเข้ามาในเขตโทษและปั่นบอลโค้งเข้ามุมไกลอย่างสวยงาม มามาร์ดาชวิลีหมดสิทธิ์ป้องกัน ทำให้ซิตี้นำห่าง 3-0 อย่างเด็ดขาด

แม้ลิเวอร์พูลพยายามยิงประตูปลอบใจจากโดมินิก โซบอสไลและซาลาห์ แต่ดอนนารุมมาโชว์ฟอร์มเหนียวหนึบ ในนาทีที่ 76 เขาปัดลูกยิงไกลของโซบอสไลออกไปได้ และในนาทีที่ 79 ซาลาห์ยิงชิพหลุดกรอบออกข้างอย่างน่าเสียดาย

ช่วงท้ายเกม ซิตี้ยังคงคุมจังหวะได้ดี ฟิล โฟเด้นมีโอกาสยิงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บแต่ไม่ตรงกรอบ ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา จบเกมด้วยชัยชนะของแมนเชสเตอร์ซิตี้ 3-0 ซึ่งตอกย้ำพลังเกมรุกอันดุดันและการป้องกันอันแข็งแกร่งของทีม

สถิติการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล

สถิติ

แมนเชสเตอร์ซิตี้

ลิเวอร์พูล

การครองบอล

49%

51%

ค่าคาดการณ์ประตู (xG)

1.60

0.71

จำนวนการยิงทั้งหมด

14

7

ยิงตรงกรอบ

6

1

โอกาสทอง

2

1

โอกาสทองที่พลาด

2

1

การจ่ายบอลแม่นยำ

375 (84%)

392 (86%)

ฟาวล์

14

15

เตะมุม

7

7

Related News

แมนเชสเตอร์ซิตี้ถล่มลิเวอร์พูลด้วยสกอร์ขาดลอย 3-0 ที่เอติฮัด สเตเดียม

แมนเชสเตอร์ซิตี้ถล่มลิเวอร์พูลด้วยสกอร์ขาดลอย 3-0 ที่เอติฮัด สเตเดียม

Mansion Sportsแมนเชสเตอร์ซิตี้สร้างความประทับใจด้วยการคว้าชัยเหนือทีมคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูลในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2025/2026 สัปดาห์ที่ 11 ที่สนามเอติฮัด สเตเดียม ด้วยสกอร์เด็ดขาด 3-0 การแข่งขันเต็มไปด้วยความเข้มข้น แต่ด้วยคุณภาพการเล่นที่เหนือกว่า “เรือใบสีฟ้า” จึงสามารถเก็บสามคะแนนสำคัญได้อย่างสมบูรณ์

ลิเวอร์พูลเคยได้ประตูจากลูกโหม่งของเฟอร์จิล ฟาน ไดค์ หลังเออร์ลิง ฮาแลนด์พังประตูแรกให้ซิตี้ แต่ลูกดังกล่าวถูก VAR ยกเลิก ก่อนที่ซิตี้จะบวกเพิ่มอีกสองประตูจากผลงานของนิโก้ กอนซาเลซ และเจเรมี โดกู ชัยชนะครั้งนี้ส่งผลให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ขึ้นไปอยู่อันดับสองของตารางพรีเมียร์ลีก มี 22 คะแนนจาก 11 นัด ส่วนลิเวอร์พูลรั้งอันดับแปด เก็บได้เพียง 18 คะแนนจากจำนวนเกมเท่ากัน

รูปเกมในครึ่งแรกของแมนเชสเตอร์ซิตี้พบลิเวอร์พูล

เกมเริ่มต้นด้วยจังหวะรวดเร็วที่เอติฮัด สเตเดียม ลิเวอร์พูลเปิดเกมรุกก่อนในนาทีที่ 8 เมื่อโมฮาเหม็ด ซาลาห์ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของโยสโก้ กวาร์ดิโอล ในการรับบอลยาวจากอิบราฮิมา โกนาเต ซาลาห์หลุดเข้าเขตโทษ แต่รูเบน ดิอาสเข้ามาปิดมุมยิง ทำให้ต้องซัดจากมุมแคบ และดอนนารุมมาสามารถปัดออกได้

ซิตี้ตอบโต้ทันทีผ่านเจเรมี โดกูที่ใช้ความเร็วและความคล่องตัวสร้างความปั่นป่วนทางกราบซ้าย ในนาทีที่ 9 เขาเกือบทำให้แนวรับลิเวอร์พูลผิดพลาด บอลตกไปที่ไรอัน แชร์กีแต่ยิงสองครั้งติดถูกบล็อกโดยกองหลังทีมเยือน

เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในนาทีที่ 11 เมื่อ VAR ตรวจสอบจังหวะที่โดกูล้มจากการปะทะกับผู้รักษาประตูจอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี หลังจากตรวจสอบภาพช้า ผู้ตัดสินตัดสินให้จุดโทษแก่ซิตี้ ฮาแลนด์รับหน้าที่ยิงแต่ถูกมามาร์ดาชวิลีพุ่งปัดไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

ซิตี้ยังคงเดินหน้าโจมตีไม่หยุด ในนาทีที่ 17 โดกูเลี้ยงตัดจากซ้ายจ่ายให้แชร์กียิงแต่ติดบล็อกจากฟาน ไดค์ บอลออกหลังไป ลิเวอร์พูลพยายามสร้างเกมสวนกลับ แต่ซิตี้ยังครองบอลได้มากกว่าและบุกอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุดความพยายามของเจ้าถิ่นก็เป็นผลในนาทีที่ 29 นูเนซเปิดบอลแม่นจากด้านขวาให้ฮาแลนด์โหม่งเต็มแรงเข้าประตู ทำให้ซิตี้นำ 1-0 นับเป็นการแก้ตัวที่สมบูรณ์หลังพลาดจุดโทษก่อนหน้า และยังเป็นประตูที่ 99 ของฮาแลนด์ในพรีเมียร์ลีก

ลิเวอร์พูลเคยตีเสมอได้จากลูกโหม่งของฟาน ไดค์ในนาทีที่ 39 แต่ VAR ยกเลิกเนื่องจากแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ก่อนหมดครึ่งแรกในนาทีที่ 45+3 ซิตี้หนีห่างเป็น 2-0 เมื่อกอนซาเลซยิงไกลบอลแฉลบฟาน ไดค์เปลี่ยนทางเข้าประตู ทำให้มามาร์ดาชวิลีหมดสิทธิ์รับ บอลจบครึ่งแรกด้วยความได้เปรียบของเจ้าบ้าน

รูปเกมในครึ่งหลังของแมนเชสเตอร์ซิตี้พบลิเวอร์พูล

เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลพยายามเร่งเกมเพื่อทวงประตูคืน แต่ซิตี้ยังคงเล่นอย่างมีวินัยและเป็นระบบ โดกูยังคงสร้างปัญหาให้แนวรับทีมเยือน ในนาทีที่ 55 เขาฝ่าผู้เล่นลิเวอร์พูลสองคนก่อนยิงเต็มแรง แต่มามาร์ดาชวิลีปัดได้ทัน

ถัดมาเพียงสามนาที ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูจากความผิดพลาดของแนวรับซิตี้ วิร์ตซ์จ่ายบอลให้แบรดลีย์เปิดเข้ากลาง แต่การสกัดของนิโก้เกือบทำให้บอลเข้าประตูตัวเอง ดอนนารุมมามองตามบอลที่ลอยเฉียดคานออกไปอย่างหวุดหวิด

นาทีที่ 59 ลิเวอร์พูลมีโอกาสทองอีกครั้งจากการทำชิ่งของซาลาห์และแบรดลีย์ บอลสุดท้ายเข้าทางกัคโปที่เสาสองแต่ยิงหลุดกรอบเพียงนิดเดียว จังหวะนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม เพราะซิตี้สวนกลับได้อย่างเฉียบคมและนำไปสู่ประตูที่สาม

ในนาทีที่ 63 โดกูได้รับบอลจากโอ’ไรลีย์และนิโก้ ก่อนลากตัดจากกราบซ้ายเข้ามาในเขตโทษและปั่นบอลโค้งเข้ามุมไกลอย่างสวยงาม มามาร์ดาชวิลีหมดสิทธิ์ป้องกัน ทำให้ซิตี้นำห่าง 3-0 อย่างเด็ดขาด

แม้ลิเวอร์พูลพยายามยิงประตูปลอบใจจากโดมินิก โซบอสไลและซาลาห์ แต่ดอนนารุมมาโชว์ฟอร์มเหนียวหนึบ ในนาทีที่ 76 เขาปัดลูกยิงไกลของโซบอสไลออกไปได้ และในนาทีที่ 79 ซาลาห์ยิงชิพหลุดกรอบออกข้างอย่างน่าเสียดาย

ช่วงท้ายเกม ซิตี้ยังคงคุมจังหวะได้ดี ฟิล โฟเด้นมีโอกาสยิงในช่วงทดเวลาบาดเจ็บแต่ไม่ตรงกรอบ ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหมดเวลา จบเกมด้วยชัยชนะของแมนเชสเตอร์ซิตี้ 3-0 ซึ่งตอกย้ำพลังเกมรุกอันดุดันและการป้องกันอันแข็งแกร่งของทีม

สถิติการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล

สถิติ

แมนเชสเตอร์ซิตี้

ลิเวอร์พูล

การครองบอล

49%

51%

ค่าคาดการณ์ประตู (xG)

1.60

0.71

จำนวนการยิงทั้งหมด

14

7

ยิงตรงกรอบ

6

1

โอกาสทอง

2

1

โอกาสทองที่พลาด

2

1

การจ่ายบอลแม่นยำ

375 (84%)

392 (86%)

ฟาวล์

14

15

เตะมุม

7

7

Related News